ตลาดหุ้นสหรัฐไม่คึกคัก หุ้นดาวโจนส์พุ่งร่วงกว่า 140 จุด ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐผันผวน ดีลเจรจาภาษีสหรัฐกับอียูยังไม่นิ่ง 

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 44,342 จุด -142 จุด หรือ -0.32% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,296 จุด -0.57 จุด หรือ -0.01% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 20,895 จุด +10 จุด หรือ +0.05% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -0.1%, +0.6% และ +1.5% ตามลำดับ

สิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +4.98%, +10.57% และ +17.75% ตามลำดับ ทำสถิติดัชนีหุ้นรายไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม ครึ่งแรกของปี 2025 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง กลับให้ผลตอบแทนที่แย่ในรอบ 2 ปีครึ่ง หรือตั้งแต่ปี 2022 และในเดือนมิถุนายนนี้ ปิดพุ่ง +3.7%, +4.4% และ +6.1% ตามลำดับ 

สาเหตุจาก การเจรจาภาษีและการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับกลุ่มสหภาพยุโรปอียูยังคงไม่มีความชัดเจนโดยสหรัฐอเมริกาตั้งเป้าหมายว่าอัตราภาษีต่างตอบแทนที่จะเก็บกับกลุ่มอียูจะอยู่ในช่วงระหว่าง 15 ถึง 20% ด้านผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐออกมาในทิศทางบวกต่อความมั่นใจของนักลงทุน

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปิดตลาดตรงกับวันครบรอบ 100 วันของการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏว่า ครบ 100 วันดังกล่าวดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -7.23% และมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐสะท้อนจากดัชนีหุ้นดังกล่าวหดหายมากถึง 3.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 122.6 ล้านล้านบาท ทำสถิติตลาดหุ้นนิวยอร์ก ครบ 100 วันของประธานาธิบดีดนัลด์ ทรัมป์ในสมัยที่ 2 ที่เลวร้ายเป็นอันดับที่ 3 ในโอกาสครบ 100 วันของประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ผ่านมา สถิติดังกล่าวเป็นรอง หรือตามหลังในยุคอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เมื่อ 56 ปีผ่านมา และอดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด เมื่อ 51 ปีผ่านมา ตามลำดับ 

ก่อนหน้านึ้ถึงวันที่ 21 เมษายน 2025 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้งสามแห่งทำสถิติดำดิ่งเลวร้ายถึง -9% นับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2025 หรือเป็นวันที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับ 185 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งยังคงร่วงลง -5.1%, -3.3% และ -2.5% ตั้งแต่วันที่ 2 มาถึงวันที่ 24 เมษายนผ่านไป ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และนาสแดคปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -2,352 จุด และ -959 จุดตามลำดับ

ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles