นางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือในไตรมาส 2 ปี 2568 พบว่า เศรษฐกิจภาคเหนือชะลอตัวลดลงจากไตรมาสที่ 1 ปีนี้ เนื่องจากภาคเศรษฐกิจหลายกลุ่มหดตัวมากขึ้น และต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอสังหาริมทรัพย์ในภาคเหนือหดตัวมากขึ้นตามกำลังซื้อ และสถาบันการเงินในภาคเหนือเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
สำหรับมูลค่าสินเชื่อใหม่เพื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่ 2 ของภาคเหนือ หดตัว -12.0% ที่สำคัญ มูลค่าสินเชื่อในกลุ่มราคาบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาทติดลบมากขึ้นเป็น -14.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 อยู่ที่ -5.2% ในขณะเดียวกันมีหน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ระดับราคาที่อยู่อาศัยช่วง 3-7 ล้านบาท มีสินเชื่อชะลอตัวที่ -3.2% เทียบกับไตรมาส 1 อยู่ที่ -12.0% และระดับราคาที่อยู่อาศัยมากกว่า 7 ล้านบาท มีสินเชื่อหดตัวมากถึง -24.4% เทียบกับไตรมาส 1 อยู่ที่ -6.3%
สำหรับพื้นที่หลักในภาคเหนือที่มีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ จังหวัดเชียงใหม่ 42% เชียงราย 11% และพิษณุโลก 9%
ภาคอสังหาริมทรัพย์ในภาคเหนือของไตรมาสที่ 2 ปีนี้ เกิดการหดตัวนั้น เป็นผลมาจากปัจจัยกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ระดับสูง ส่งผลให้สถาบันการเงินยังคงมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ที่สำคัญคือ กำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภคและยังไม่ฟื้นกลับคืนมา
สำหรับการบริโภคในภาพรวมหดตัวเล็กน้อยตามกำลังซื้อที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคในภาคเหนือระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การบริโภคเกี่ยวกับภาคบริการปรับดีขึ้นในช่วงเทศกาล และวันหยุดยาว การลงทุนภาคเอกชนหดตัวจากหมวดก่อสร้างที่ลดลง ซึ่งครอบคลุมทั้งยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบ สอดคล้องกับหมวดการผลิตหดตัวตามการชะลอการนำเข้าสินค้าทุนของธุรกิจผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ยังหดตัว
ภาคการผลิตอุตสาหกรรมในภาคเหนือยังคงหดตัว จากปัจจัยการผลิตน้ำตาลลดลงหลังจากที่เร่งผลิตในช่วงก่อนหน้านั้น ผลิตภัณฑ์นมแปรรูปลดลงตามการส่งออก รวมทั้งสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เซรามิก ผลิตภัณฑ์ไม้ และเฟอร์นิเจอร์ ลดลงตามความต้องการของคู่ค้า
สำหรับการท่องเที่ยวภาคเหนือขยายตัวเล็กน้อย เนื่องจากช่วงต้นไตรมาสเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์และมีการจัดกิจกรรมจูงใจนักท่องเที่ยวไทยมาเพิ่มขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงโดยเฉพาะชาวจีน
ส่วนรายได้ภาคเกษตรขยายตัวจากผลผลิตข้าวนาปรังที่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากปริมาณน้ำและสภาพอากาศเอื้ออำนวย แต่ราคายังลดลงต่อเนื่อง ส่วนการเบิกจ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่องได้แก่ รายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นในหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ขณะที่รายจ่ายประจำขยายตัวตามหมวดเงินอุดหนุน ด้านการจ้างงานขยายตัว สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนตาม ม.33 ที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเล็กน้อยตามราคาหมวดพลังงานและอาหารสดที่ปรับลดลง
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 3 ปี 2568 นั้น คาดว่าหดตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนที่หดตัวเล็กน้อยตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง รายได้ภาคเกษตรมีทิศทางหดตัวตามราคาพืชหลัก การผลิตภาคอุตสาหกรรมคาดว่าจะหดตัวจากปัจจัยกดดันทั้งผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐ และอุปสงค์ของคู่ค้าชะลอลง
การลงทุนภาคเอกชนหดตัวโดยเฉพาะหมวดก่อสร้างในกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ยังมีอุปทานเหลือขายจำนวนมาก ด้านสถาบันการเงินยังคงระมัดระวังการให้สินเชื่อ การท่องเที่ยวคาดว่าจะทรงตัวหลังหมดฤดูกาลท่องเที่ยว การเบิกจ่ายภาครัฐชะลอลงหลังการเบิกจ่ายงบลงทุนที่เร่งตัวในช่วงก่อนหน้า