นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ แถลงรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 2 ปี 2568 ว่า ขณะนี้พบว่าองค์กรต่างๆ ปรับสัญญาการจ้างงานจาก “พนักงานประจำ” เป็น “สัญญาจ้างชั่วคราว” โดย 2 ปีที่ผ่านมามีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน มองว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวและต้องการลดต้นทุนองค์กรในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า ส่วนชั่วโมงการทำงานที่ลดลง ในภาคเอกชนยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก โดยเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามหากแนวโน้มการส่งออกยังคงอยู่ในระดับเดิม ชั่วโมงการทำงานจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม
ส่วนกรณีที่องค์กรใหญ่เปิดโครงการสมัครใจลาออก นั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องพิจารณาว่าพนักงานดังกล่าวอยู่ในกลุ่มอายุเท่าไร ลาออกแล้วมีแผนรองรับต่อจากนี้หรือไม่ เพราะเงินที่ได้จากการสมัครใจลาออกอาจไม่สามารถรองรับการใช้ชีวิตได้ได้ในระยะยาว ขณะเดียวกันก็มองว่าเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจขององค์กรนั้นๆ ที่ต้องการแรงงานใหม่ และค่าจ้างต่ำกว่าพนักงานที่ลาออกไป
สำหรับภาพรวมตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย การจ้างงานเพิ่มขึ้น 0.02% อยู่ที่ 39.5 ล้านคน โดยแรงงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 0.4% ขณะที่แรงงานภาคเกษตรลดลง 0.9% ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 42.7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนแรงงานในภาคเอกชนอยู่ที่ 46.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ผู้ทำงานล่วงเวลาลดลง 8% เหลือ 6.3 ล้านคน
ด้านค่าจ้างแรงงานโดยรวมลดลง 1.9% แต่แรงงานในระบบเพิ่มขึ้น 2.5% ขณะที่ภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น 2.4% อยู่ที่ 14,370 บาทต่อเดือน อัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.91% หรือ 3.7 แสนคน ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า โดยผู้ว่างงานที่จบอุดมศึกษายังมีสัดส่วนสูงเกือบ 2% ส่วนผู้เสมือนว่างงานอยู่ที่ 2.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5% ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร