สะพัดบีวายดี(BYD)หั่นเป้าขายรถในจีนและทั่วโลกปี 68 ลงแรง -16% หดหาย 9 แสนคัน เหลือ 4.6 ล้านคัน ยอดขายโตน้อยที่สุดใน 5 ปี

รอยเตอร์ส ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา รายงานว่าแหล่งข่าวระดับสูงจำนวน 2 รายที่อยู่ในบริษัท บีวายดี (BYD) จีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ฝ่ายบริหารระดับสูงได้ปรับลดเป้ายอดขายรถบีวายดีในประเทศจีนและทั่วโลกปี 2025 รวมกันลง 900,000 คัน หรือ -16% จากเป้ายอดขายเดิมที่กำหนดไว้ 5.5 ล้านคัน ส่งผลให้เป้ายอดขายลงมาอยู่ที่ 4.6 ล้านคัน ทำให้เป็นเป้ายอดขายเติบโตที่ 7% เมื่อเทียบกับจำนวนยอดขายรถจริงในปี 2024 ที่ผ่านไป นั่นหมายถึง บีวายดีกำลังเผชิญกับยอดขายรถในภาพรวมที่เติบโตน้อยที่สุดในช่วง 5 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2020 หรือตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19

แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเปิดเผยต่อไปว่า ฝ่ายบริหารระดับสูงของบีวายดีได้เคยพบกับนักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำจำนวนมากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การประชุมพบกับนักวิเคราะห์ในช่วงเวลานั้น บีวายดีเปิดเผยเป้ายอดขายในปี 2025 ที่จำนวน 5.5 ล้านคัน แต่ถัดจากนั้นเป็นต้นมา ภายในฝ่ายบริหารของบีวายดีได้มีการปรับเปลี่ยนยอดขายรถในภาพรวมปี 2025 ลงมาบ่อยครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ การปรับลดเป้าหมายยอดขายดังกล่าวโดยฝ่ายบริหารระดับสูงได้แจ้งไปยังบรรดาซัพพลายเออร์ที่อยู่ในเครือข่ายการผลิตชิ้นส่วนให้กับบีวายดีเป็นการภายใน

สำหรับสาเหตุในการปรับลดเป้ายอดขายภาพรวมของบีวายดีในปี 2025 ลดลงถึง -16% นั้น แม้จะไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ในวงการอุตสาหกรรมและตลาดรถในประเทศจีนมีความคิดเห็นตรงกันว่า ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีนมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่แข่งของบีวายดีในอันดับลดหลั่นลงมา ได้แก่ 2 แบรนด์สำคัญ คือซีจีลี่ ออโต้(Geely) และลีพมอเตอร์ (Leapmptor) ปรากฏว่า มียอดขายรถในประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางยอดขายรถของบีวายดีชะลอตัวลงในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

เมื่อเปรียบเทียบราคาของรถยนต์พลังงานใหม่ในกลุ่มรถประหยัดพลังงานที่มีราคาขายต่ำกว่าคันละ 150,000 หยวน หรือ 21,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 672,000 บาทในเดือนกรกฎาคม 2025 ที่ผ่านไปนั้น ปรากฎว่า บีวายดีมียอดขายลดลงมากถึง -9.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2024 ผ่านไป ในช่วงเวลาเดียวกันพบว่า จีลี่ ออโต้ มียอดขายรถในกลุ่มราคาดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นถึง 90% ด้านผู้บริหารระดับสูงของค่ายรถจีลี่ ออโต้ ประกาศปรับเป้าหมายยอดขายรถในภาพรวมปี 2025 ขึ้นอีก 290,000 คันหรือเพิ่มขึ้น 10.70% ส่งผลให้เป้าหมายยอดขายใหม่ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ล้านคัน จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมียอดขายที่ 2.7 ล้านคัน

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2025 ผ่านมา บีวายดีเปิดเผยรายงานการดำเนินงานด้านกำลังการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ หรือเอ็นอีวีในเดือนสิงหาคมที่ผ่านไปมีการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี และรถยนต์พลังงานเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด รวมกันจำนวน 353,090 คัน ลดลงมากถึง -3.78% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมในปี 2024 ผ่านมา นอกจากนี้จำนวนรถยนต์ที่บีวายดีผลิตในเดือนสิงหาคมยังลดลงต่อเนื่องจากเดือนกรกฎาคมอีกด้วยที่ผลิตลดลง -0.9%

ส่งผลให้กำลังการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของแบรนด์บีวายดีลดลงต่อเนื่องถึง 2 เดือนติดต่อกัน ทำสถิติการผลิตรถของบีวายดีลดลง 2 เดือนต่อเนื่องเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีหรือตั้งแต่ปี 2020 หรือตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาด โควิด-19 เป็นต้นมา สำหรับครั้งสุดท้ายที่บีวายดีผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ลดลง 2 เดือนติดต่อกันเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน และเดือน กรกฎาคมปี 2020

ธนาคารไชน่า เมอร์แชนท์ แบงก์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่าได้ทบทวนและตัดลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขายรถรถยนต์พลังงานใหม่ของค่ายบีวายดีในปี 2025 ลดลง 5% ส่งผลให้คาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2025 นี้บีวายดีจะมียอดขายอยู่ที่ 4.9 ล้านคัน ธนาคารดอยช์แบงก์จากเยอรมนี คาดการณ์ว่าบีวายดีจะมียอดขายรถในภาพรวมปี 2025 เพียง 4.7 ล้านคัน สอดรับกับสถาบันการเงินชื่อดังที่มีชื่อว่า มอร์นิ่ง สตาร์ คาดการณ์ว่าบีวายดีจะมียอดขายในภาพรวมปีนี้อยู่ที่ 4.8 ล้านคัน

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2025 บีวายดี (BYD) รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2025 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง พบว่า กำไรลดลงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ส่งผลให้บีวายดีมีกำไรลดลงต่อเนื่องปีต่อปีนับตั้งแต่ปี 2022 หรือใน 3 ปีครึ่งที่ผ่านมา

บีวายดีมีกำไรในไตรมาสที่ 2 คิดเป็นมูลค่า 6,400 ล้านหยวน หรือ 894 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 28,608 ล้านบาท นอกจากนี้ ยอดขายบีวายดีในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 200,900 ล้านหยวน หรือกว่า 914,095 ล้านบาท เติบโตเพียง 14% แต่อยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งในปีนี้ที่บีวายดีมียอดขายเติบโตมากถึง 36.35% สอดรับกับอัตราส่วนกำไรขั้นต้นของบีวายดีในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 16.27% ลดลงจาก 20.07% ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้

สาเหตุจากการแข่งขันด้านกลยุทธ์ราคาขายรถในตลาดจีนที่มีความรุนแรงและต่อเนื่องมาโดยตลอด เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อเดือนพฤษภาคมผ่านไปบีวายดีใช้โปรโมชั่นในการลดราคาขายลงมากที่สุดถึง 34% ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ผ่านไป บีวายดีประกาศขายรถอีวีซึ่งติดตั้งระบบช่วยขับอัตโนมัติที่มีชื่อเฉพาะเรียกว่าก๊อดอาย (God Eye) ในราคาขายที่สูงกว่า 100,000 หยวนเล็กน้อย หรือกว่า 455,000 บาท แต่ในความเป็นจริงกับมีราคาลดลงต่ำกว่าที่ได้ประกาศไว้

ด้านยอดขายในแง่จำนวนคัน บีวายดีมียอดขายรถในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 2025 หรือระหว่างมกราคมถึงกรกฎาคม 2025 ผ่านไป ทำยอดขายทั่วโลกได้ 3,035,253 คัน ในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดขายส่งออกที่ 545,003 คัน หรือ 17.95% และยอดขายในจีนที่ 2,490,250 คัน หรือ 82.05% ของยอดขายรวมทั้งหมด ท่ามกลางเป้าหมายที่บีวายดีกำหนดไว้ในปีนี้ที่ 5.5 ล้านคัน ในจำนวนดังกล่าวเป็นเป้ายอดขายส่งออกที่ 800,000 คัน หรือ 14.54% ของเป้ายอดขายรวมทั้งหมด

ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์ในประเทศจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ บีวายดียังคงเป็นผู้นำสูงสุดอันดับ 1 ด้วยการทำยอดขาย 1,884,686 คัน มีส่วนแบ่งตลาดถึง 29.2% ของตลาดรถทั้งหมดในประเทศจีน อันดับ 2 จีลี่ มีส่วนแบ่ง 12.5% ขณะที่เทสลามีส่วนแบ่งตลาดที่ 4.7% มาเป็นอันดับที่ 5 ในจีน อย่างไรก็ตาม เฉพาะในเดือนกรกฎาคม เทสลาเสียส่วนแบ่งตลาดอีก ส่งผลลดลงมาอยู่ที่ 4.1% ของตลาดทั้งหมด

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles