คนละครึ่งรอบใหม่ต้องโดนและแรงกว่ารอบเดิม นักวิชาการชี้อุปสรรคงบรัฐบาลมีจำกัด ต้องกล้าออกแบบให้ท้าทายกว่าเดิม ดูคนละครึ่งของจีนกระตุ้นสูงกว่าไทยถึงกว่า 7 เท่า แถมจูงใจคนจีนกล้าใช้จ่าย

คนละครึ่ง รอบใหม่ต้องโดนและแรงกว่ารอบเดิม นักวิชาการชี้อุปสรรคงบรัฐบาลมีจำกัด ต้องกล้าออกแบบให้ท้าทายกว่าเดิม ดูคนละครึ่งของจีนกระตุ้นสูงกว่าไทยถึงกว่า 7 เท่า แถมจูงใจคนจีนกล้าใช้จ่าย

รศ. ดร.อธิภัทร มุทิตาเจริญ

คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสข้อความเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่ง มีดังนี้

ถอดบทเรียนจากงานวิจัย ก่อนทำ ‘คนละครึ่ง’ 2.0 รัฐบาลชุดใหม่กำลังพิจารณานำมาตรการคนละครึ่งกลับมาอีกครั้ง

ด้วยเหตุผลว่าชาวบ้านชอบ-ร้านค้าชอบ ทุกฝ่ายคุ้นเคย น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในเวลารวดเร็ว

โครงการ Co-pay แบบนี้พิสูจน์แล้วว่า ช่วยร้านเล็กได้ดี แต่วันนี้รัฐมีกระสุนทางการคลังจำกัด หากไม่ใช้งบกลาง อาจมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เกิน 25,000 ล้านบาท แถมยังต้องเผื่องบรองรับผลกระทบจากภาษีทรัมป์อีก

คำถามสำคัญคือ จะออกแบบคนละครึ่ง 2.0 อย่างไร ให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้คุ้มค่าที่สุด ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่ง โดยใช้ข้อมูลจาก LINEMAN Wongnai ผมขอถอดบทเรียนจากงานวิจัยที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการออกแบบ คนละครึ่ง 2.0 ครับ

1) ‘คนละครึ่ง’ ช่วยร้านค้าขนาดเล็กได้ชัดเจน ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับร้านที่ไม่ได้เข้าร่วม โดยเฉพาะในกลุ่มร้านขนาดเล็ก จุดแข็งของโครงการคือการขยายฐานลูกค้า ร้านค้าที่เข้าร่วมมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และแม้โครงการจะจบไปแล้ว ร้านเหล่านี้ยังคงขายดีต่อเนื่อง เพราะได้ลูกค้าประจำเพิ่มขึ้น

2) แต่โครงการมีข้อจำกัดด้านการกระตุ้นการบริโภค ในมิติผลกระทบต่อการกระตุ้นการใช้จ่าย พบปรากฏการณ์ “Crowd out” อย่างชัดเจน ผู้เข้าร่วมโครงการใช้เงินกับร้านที่เข้าร่วมโครงการ และลดการซื้ออาหารจากร้านค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมอย่างมีนัยสำคัญ เป็นการเปลี่ยนที่ซื้อ มากกว่าการเพิ่มยอดซื้อ ค่าประสิทธิผล (MPC) ของการใช้จ่ายอยู่ที่ 0.4 นั่นคือ รัฐอุดหนุน 1 บาท ประชาชนนำไปใช้จ่ายเพียง 40 สตางค์ ใกล้เคียงกับการแจกเงินแบบทั่วไปไม่กำหนดเงื่อนไข

3) เงื่อนไขการใช้จ่ายคือหัวใจของประสิทธิภาพ โครงการ Co-pay ของรัฐบาลจีนคล้ายกัน แต่ได้ MPC สูงถึง 3.0 เหตุผลสำคัญคือ การออกแบบให้ต้องใช้จ่ายถึงเกณฑ์ก่อนถึงจะได้ส่วนลด และคูปองหมดอายุวันต่อวัน ไม่ใช้ก็หมดสิทธิ์ แนวทางนี้คล้ายกับคูปองรายวันที่ Shopee / Lazada ใช้ เช่น ลด 20% เมื่อซื้อขั้นต่ำ 200 บาท ซึ่งเป็นแนวทางที่คนไทยคุ้นเคย กระตุ้นให้ตัดสินใจเร็ว และใช้จ่ายเพิ่ม เมื่อเปรียบเทียบกับคนละครึ่ง ที่ลด 50% ตั้งแต่บาทแรก และทยอยใช้ได้เรื่อย ๆ ก่อนโครงการจะหมดอายุ อาจยังไม่สร้างแรงจูงใจให้ “เพิ่มการใช้จ่าย” ได้เต็มที่

มองภาพใหญ่ของ ‘คนละครึ่ง 2.0’ ข้อค้นพบเหล่านี้ชี้ว่าเงื่อนไขการใช้เงิน คือปัจจัยสำคัญต่อประสิทธิภาพนโยบาย

คนละครึ่ง 1.0 ช่วยร้านค้าได้ดี แต่คำถามสำคัญคือ หากรอบใหม่ รัฐต้องการเน้นการกระตุ้นการบริโภคให้มากกว่าเดิม เราต้องกล้าออกแบบให้ตอบโจทย์มากขึ้น แม้อาจไม่สะดวกเท่าเดิม

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles