นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโฮสเทลประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้เศรษฐกิจรากหญ้าเน่ากันหมดแล้ว ในช่วงผ่านมากับรัฐบาลชุดที่พึ่งผ่านไป ชมรมเรียกร้องรัฐบาลที่แล้วมาตลอด 2 ปี ว่า ให้ใช้มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ด้วยการทำโครงการคนละครึ่ง แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนอง โครงการคนละครึ่งดังกล่าวจะช่วยเหลือประชาชนได้เกือบทั้งระบบ ทั้งร้านขายของ ร้านระดับล่างข้างทาง ร้านระดับเอสเอ็มอี ในฝั่งลูกค้า ก็ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายอาหารให้กับพนักงานที่ทำงานออฟฟิศ และบุคคลทั่วไปที่ทำงานเงินเดือนไม่สูงด้วย
โครงการคนละครึ่งจากครั้งที่ผ่านไปนั้น สามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็ก และร้านข้างทางอย่างน้อย 1.8-2.5 เท่า และยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในแต่ละวันของประชาชนทั่วไปได้อย่างน้อย 15-20% นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อไปสู่ห่วงโซ่ซัพพลายที่มาต่อธุรกิจร้านอาหารด้วย ไม่ว่าจะเป็นบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดไปถึงภาคเกษตรกร
สอดรับกับนายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ไลน์แมน วงไน LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่าโครงการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ และแก้ปัญหายอดขายที่ตกต่ำลงได้จริง ข้อมูลพบว่าโครงการดังกล่าวในรอบที่แล้ว มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการมากกว่า 5 หมื่นร้าน สามารถช่วยร้านอาหารเล็กๆ ด้วยการกระตุ้นยอดขายโต 1.7-4 เท่า
ข้อมูลสถิติของ LINE MAN Wongnai พบว่า ยอดขายเฉลี่ยของร้านอาหารทั่วประเทศไทยลดลงมาตั้งแต่ต้นปี 2025 นี้ในไตรมาสที่ 2 ยอดขายลดลงมากถึง -14% ในพื้นที่ภาพรวมของกรุงเทพจะพบว่ายอดขายลดลง 16% พื้นที่ย่านธุรกิจ (Central Business District : CBD) ดิ่งลงถึง -19% และพื้นที่ย่านร้านอาหารยอดนิยมเช่น บรรทัดทอง มียอดขายลดลงมากถึง -35%
การศึกษามีมาแล้วว่าโครงการลักษณะคนละครึ่ง หรือ Copayment ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่าการที่รัฐบาลจ่ายให้ 100% เนื่องจากสามารถป้องกันการฉ้อโกงได้ในระดับหนึ่ง ลูกค้าจ่ายเงินด้วย และใช้จ่ายไปยังร้านค้าที่ต้องลงทะเบียนจริงด้วย นอกจากนี้ยังสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้นานกว่า เนื่องจากมีการจำกัดวงเงินรายวัน ดีกว่าเงินให้เปล่าที่อาจเกิดการใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว