นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯ จะลงทุนรวม 35,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2569–2571 โดยเน้นการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ขยายสู่โครงสร้างพื้นฐานอนาคต และสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงานกับการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ปี 2593
โดย โครงสร้างธุรกิจใหม่ 5 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
1. กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด และพลังงานชีวภาพ (Refinery & Marketing and Biofuels) บริหารโรงกลั่นน้ำมันบางจากพระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจากศรีราชาแบบ One Team เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ขยายกำลังการกลั่นรวมจาก 265,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2568 เป็น 285,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2571 และมากกว่า 290,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2573
ควบคู่กับการลงทุนใน SAF และ HVO (Hydrotreated Vegetable Oil) รวม 7,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2570 (SAF 5,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมิถุนายน 2569) ในด้านพลังงานชีวภาพ เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเอทานอลเป็น 292 ล้านลิตรต่อปีตั้งแต่ปี 2569 และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินเครื่องโรงงานไบโอดีเซลสู่กำลังการผลิตเต็มที่ 330 ล้านลิตรต่อปี เสริมสร้างซินเนอร์ยีระหว่างหน่วยธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ในด้านการตลาด มุ่งขยายสถานีบริการเป็นราว 2,300 แห่งในปี 2568 และมากกว่า 2,300 แห่งภายในปี 2571 พร้อมตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดน้ำมันจาก 29% ในปี 2568 เป็นมากกว่า 33% ในปี 2573 ควบคู่กับการผลักดันธุรกิจ Non-Oil ทั้งอินทนิลและค้าปลีก โดยตั้งเป้าให้ EBITDA ของธุรกิจนี้เติบโต 3 เท่าภายในปี 2571
2. กลุ่มธุรกิจการค้าน้ำมัน (Trading) กลุ่มธุรกิจหลักใหม่ (new flagship) ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ของบางจากฯ ที่ยกระดับจากบทบาทเดิมในการสนับสนุนโรงกลั่น สู่การเป็นธุรกิจหลักที่สร้างผลตอบแทน โดยมุ่งพัฒนาการซื้อขายพลังงานแบบมีสินทรัพย์รองรับ (asset-backed trading) ใช้ความได้เปรียบจากการมีโรงกลั่นน้ำมัน คลังน้ำมัน และระบบขนส่งที่ครอบคลุมเป็นฐานในการขยายตลาด ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงด้านราคาและปริมาณ ขยายทั้งปริมาณและมูลค่าการซื้อขายในประเทศและภูมิภาค
3. กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ (Upstream) ตั้งเป้าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจแหล่งปิโตรเลียมระยะกลางชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ประสบการณ์ระดับสากลจากนอร์เวย์ บริหารแหล่งผลิตให้มีประสิทธิภาพ เสริมความคล่องตัวและกระแสเงินสดมั่นคง พร้อมพิจารณาการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและการเติบโตระยะยาว
4. กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน (Power and Infrastructure) ต่อยอดพลังงานหมุนเวียนสู่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยุทธศาสตร์ (Critical Infrastructure) ได้แก่ ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ และธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ โดยตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เป็น 7,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 ผ่านการบริหารพอร์ต เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและหมุนเวียนทุน (Return & Capital Recycling)
5. กลุ่มธุรกิจใหม่และโฮลดิ้งส์ (New Businesses and Holdings) มุ่งสร้างการเติบโตผ่านการขยายศักยภาพธุรกิจหลัก ทั้งด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจการกลั่นและการตลาด ควบคู่กับการลงทุนใหม่มูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ เพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคต โดยเน้นการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่ทันสมัย และการพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ อาทิ Bio-LNG, Nuclear Fusion,กรีนแอมโมเนีย และเชื้อเพลิงสังเคราะห์ ตลอดจนเทคโนโลยีชีวภาพและระบบแบตเตอรี่ เพื่อเสริมพลังให้ธุรกิจหลัก ขยายโอกาสใหม่ และสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับกลุ่มบริษัทบางจาก
ขณะที่ กลยุทธ์ด้านการเงิน บริษัทฯ มุ่งเน้น 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มอัตรากำไรผ่านการยกระดับประสิทธิภาพของธุรกิจที่มีอยู่ และการจัดสรรงบลงทุน (CAPEX) อย่างเหมาะสม การลงทุนที่มุ่งผลตอบแทน โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจต้นน้ำ การค้า และโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนหลักของการเติบโต การสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระดับแนวหน้า ผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนระยะ 3 ปี และการสร้างกระแสเงินสดเพื่อรองรับการจ่ายเงินปันผล และการเตรียมความพร้อมสู่อนาคต ด้วยการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ควบคู่กับการใช้โอกาสจากเทคโนโลยีใหม่ โดยจะเดินหน้าอย่างเร่งรัดและมีวินัย รักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ควบคู่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ด้วยกลยุทธ์ Bangchak 100x เพื่อสร้างการเติบโตมั่นคง ยั่งยืน และเพิ่มคุณค่าให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน