นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.28-32.46 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินบาทจะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง สอดคล้องกับการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลัง รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ในเดือนกันยายน ลดลงถึง 3.2 หมื่นราย แย่กว่าที่ตลาดคาดว่า จะเพิ่มขึ้น 5.2 หมื่นราย ทำให้ ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงชัดเจน (แม้ว่า รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม Nonfarm Payrolls อาจมีการประกาศล่าช้า จากภาวะ Government Shutdown) อาจทำให้เฟดสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ถึง 2 ครั้งในปีนี้ (โอกาสเพิ่มสูงขึ้นเป็น 90%) และเฟดยังมีโอกาสราว 66% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปี 2026
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็รีบาวด์สูงขึ้นบ้าง และกลับมาเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับระดับก่อนรับรู้รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP หลังดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เดือนกันยายน ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 49.1 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม จากการทยอยปรับตัวลดลงของทั้งราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว
แนวโน้มค่าเงินบาท มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.55 บาทต่อดอลลาร์ โดยโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังมีกำลังอยู่ และเงินบาทได้กลับสู่แนวโน้มอ่อนค่าลง (อย่างน้อยในระยะสั้น) นอกจากนี้ เงินบาทอาจเผชิญปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม หากผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ทยอยปรับลดสถานะดังกล่าว หรือเริ่มมีการ Stop Loss หลังเงินบาทได้ทยอยอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้านอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้