เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) ได้เข้าร่วมสัมมนาเผยแพร่ Trade Intelligence Report 2025 จัดโดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) พร้อมกันนี้ ดร.เกรียงศักดิ์ได้รับเกียรติขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Regional Trade Wins in a World Unwind” เพื่อชี้ให้เห็นถึงกลไกการค้าโลกยุคใหม่ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ดร.เกรียงศักดิ์กล่าวว่าปัจจุบันที่ 2 ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีนที่มีพลังใกล้เคียงกัน กลายเป็นความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้โลกในศตวรรษที่ 21 เต็มไปด้วยความวุ่นวายจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในทุกมิติที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กระจายความรุนแรงเป็นวงกว้าง ไม่เว้นแม้แต่ประเทศเล็กๆ อย่างไทยที่ยามนี้จำต้องหาทางรอดเพื่อไปต่อ โดย ดร.เกรียงศักดิ์มองว่าหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ประเทศต่างๆ พัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้คือ ‘การค้า’ ยกตัวอย่างจากจีนที่วันดีคืนดีก็ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ จนขึ้นแท่นโรงงานโลกเลยก็ว่าได้
ดังนั้นการจับมือกับทุกชาติในอาเซียนจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเจรจาต่อรองกับชาติมหาอำนาจ
นอกจากนี้ ดร.เกรียงศักดิ์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า อาเซียนจะแข็งแกร่งได้ต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นในทุกมิติ ดังเช่นโมเดลที่ ดร. ได้ค้นพบอย่าง ‘5 ทหารเสือแห่ง S’ อันได้แก่
1. Efficacy of Scale: ประสิทธิสภาพต่อขนาด
2. Efficacy of Scope: ประสิทธิสภาพต่อขอบเขต
3. Efficacy of Speed: ประสิทธิสภาพต่อความเร็ว
4. Efficacy of Sphere: ประสิทธิสภาพต่อเทศะ
5. Efficacy of Strength: ประสิทธิสภาพต่อความแกร่ง
ดังนั้น การจับมือกับทุกชาติในอาเซียนจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเจรจาต่อรองกับชาติมหาอำนาจ อีกทั้งประเทศไทยยังมีโอกาสสุดท้ายในการขึ้นเป็นผู้นำอาเซียน โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องรับตำแหน่งประธานหมุนเวียนในปี พ.ศ. 2572 ซึ่งการจะผลักดันนโยบายสำคัญและปรับโครงสร้างอาเซียนให้เข้มแข็งได้นั้น ผู้นำจำเป็นต้องมีเขี้ยวเล็บ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนทุกมิติให้เติบโตได้อย่างแข็งแรง
