เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 3 พุ่งกระฉูดเกินคาดขึ้นแตะ 8.23% โตมากสุดในรอบ 3 ปี ส่งออกเวียดนามไม่แคร์ภาษีทรัมป์ ดีดแรงเกือบ 40% นายกฯเวียดนามมั่นใจทั้งปีนี้โตถึง 12%

เศรษฐกิจเวียดนาม ไตรมาส 3 พุ่งกระฉูดเกินคาดขึ้นแตะ 8.23% โตมากสุดในรอบ 3 ปี ส่งออกเวียดนามไม่แคร์ภาษีทรัมป์ ดีดแรงเกือบ 40% นายกฯเวียดนามมั่นใจทั้งปีนี้โตถึง 12%

สำนักงานสถิติแห่งชาติ ประเทศเวียดนามรายงานภาวะการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ปรากฏว่าเติบโตสูงมากถึง 8.23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ไม่เพียงส่งผลทำสถิติเป็นภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2022 แต่ยังเป็นตัวเลขจีดีพีที่สูงกว่าหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้มากซึ่งเดินคาดการณ์ว่าจะเติบโตที่ระดับ 7.15% ที่สำคัญ ถึงแม้ว่าหลายประเทศในอาเซียนจะยังประกาศภาวะการขยายตัวเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่เป็นที่มั่นใจได้ 100% ว่าเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวในไตรมาสที่ 3 สูงที่สุด และมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในทั้งหมด 11 ประเทศอาเซียน

นอกจากนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติประเทศเวียดนาม ได้ปรับปรุงตัวเลขจีพีขั้นสุดท้ายหรือเป็นตัวเลขแท้จริงของไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านไป พบว่าตัวเลขจีดีพีดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 8.19% จากที่ประกาศไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ระดับ 7.96% ส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามสามารถขยายตัวได้เกินกว่า 8% ถึง 2 ไตรมาสติดต่อกัน คือตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 มาถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 นี้

ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่าปัจจัยบวกที่แข็งแกร่งมาจากภาคการผลิตอุตสาหกรรม พบว่ามีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นถึง 9.92% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 ผลสำรวจของรัฐบาลเวียดนาม พบว่า 77% ของธุรกิจภาคเอกชนที่อยู่ในประเทศเวียดนามมียอดการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น หรือเท่ากับยอดเดิมในไตรมาสที่ 2 ท่ามกลางมาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของสหรัฐอเมริกาที่บังคับใช้กับประเทศเวียดนามที่อัตรา 20% เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อยู่ในไตรมาสที่ 3 ด้วย

ด้านภาคการส่งออกในสิ้นสุดเดือนกันยายนพบว่าเวียดนามสามารถส่งออกได้พุ่งทะยานสูงถึง 24.7% สอดรับกับการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 24.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยอดการลงทุนทางตรง หรือเอฟดีไอในประเทศเวียดนามช่วง 9 เดือนแรกพุ่งทะยานสูงถึง 15.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา

ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ถึงแม้ว่าอัตราภาษีตัดตอบแทนที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจัดเก็บกับประเทศเวียดนามที่ 20% และสูงกว่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน แต่นั่นไม่ได้ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศมองว่าเป็นจุดเสียเปรียบแต่อย่างใด ยังคงมีเงินลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนทางตรงเข้าสู่ประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมชั้นนำได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมสนับสนุนภาคการผลิต

นอกจากนี้ความต้องการในการส่งออกสินค้าจากประเทศเวียดนามไม่เพียงเติบโตแค่เฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักสำคัญ แต่ความต้องการส่งออกยังเติบโตมากขึ้นในอาเซียนและสหภาพยุโรปอีกด้วย หากพิจารณาตลาดส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐอเมริกาในช่วง 9 เดือนแรก จะพบว่าสินค้าประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้านไอที พุ่งสูงขึ้นถึง 74.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024

ที่สำคัญยังเพิ่มสูงกว่าการขยายตัวที่ระดับ 47% ในช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ที่น่าสนใจคือตัวเลขเฉพาะในเดือนกันยายนที่ผ่านไปพบว่า สินค้าประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้านไอทีส่งออกไปสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นถึง 131% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ส่งผลให้จำนวนส่งออกในภาพรวมเฉพาะเดือนกันยายนของประเทศเวียดนามไปตลาดสหรัฐอเมริกามีมูลค่า 13,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 455,250 ล้านบาท พุ่งสูงขึ้นถึง 38.5% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนในปี 2024

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมผ่านมา กระทรวงการคลัง ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีเวียดนามในไตรมาส 3 คาดการณ์พุ่งขึ้นเป็น 8.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ไม่เพียงส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 อีก +0.26% แต่ยังเป็นการเติบโตรายไตรมาสที่มากที่สุดในรอบ 14 ปี หรือตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ในปี 2011 สถิติดังกล่าวไม่นับรวมในช่วงปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่ฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่สำคัญ ดังนั้นเศรษฐกิจของเวียดนามในก้าวเดินแรกของปีนี้หรือรวม 3 ไตรมาสติดต่อกันเติบโตทะยานสูงถึง 7.84% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกในปี 2024

ตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 3 ซึ่งโตทะยานเกินกว่า 8% นั้น อยู่ในวันที่ 7 สิงหาคม 2025 ที่เวียดนามต้องถูกสหรัฐเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ที่อัตรา 20% ซึ่งสูงกว่าประเทศคู่แข่งด้านฐานการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกที่โดนอัตราภาษีดังกล่าวที่ 19% ได้แก่ ไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่สามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเวียดนามดังกล่าวนั้นยังได้รับรวมตัวเลขการค้าทั้งส่งออกและนำเข้าแบบครบถ้วน แต่ในขณะที่นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ล้วนคาดการณ์ว่าอาจมีผลกระทบต่อตัวเลขจีดีปีในไตรมาสที่ 3 ไม่มากนัก

เดือนกันยายนที่ผ่านไป นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เปิดเผยว่าคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2025 นี้จะขยายตัวได้สูงถึงสองหลักหรือ 12% หรือรัฐบาลของประเทศเวียดนามยังคงเปิดการเจรจารายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการภาษีและการค้ากับสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตัวเลขของรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าหมายในการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ระหว่าง 8.3 ถึง 8.5% ซึ่งมากกว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2024 ที่ขยายตัวได้ 7.09% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าธนาคารโลกที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.6% และยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของไอเอ็มเอสที่คาดการณ์ว่าจะโต 6.7%

ปัจจัยบวก ได้แก่ มูลค่า การค้าระหว่างประเทศทั้งส่งออกและนำเข้าใน 9 เดือนแรกของปี 2025 นี้ รวมกันมีมูลค่าสุทธิสูงกว่า 680,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 22 ล้านล้านบาท คุณพยานสูงถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 นอกจากนี้มูลค่าการค้าเกินดุลของเวียดนามในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 16,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 542,640 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยลบในไตรมาสที่สามที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของเวียดนามได้แก่เวียดนามเผชิญกับพายุลูกที่แปด ซึ่งรวมถึงพายุไต้ฝุ่นบัวลอยที่เพิ่งผ่านพ้นไป โดยคาดการณ์ว่าเวียดนามจะได้รับความเสียหายราว 16.5 ล้านล้านด่อง หรือ 625.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 20,203 ล้านบาท นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศที่ล่าช้า

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles