โตเกียว โชโก รีเสิร์ช (Tokyo Shoko Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยสินเชื่อ เปิดเผยว่า บริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือน เม.ย. – ก.ย. หรือครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2025 มีจำนวนมากกว่า 5,100 ราย ทำสถิติบริษัทล้มละลายสูงสุดในรอบ 12 ปี หรือตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา สาเหตุจากภาวะขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กในประเทศญี่ปุ่น
บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นล้มละลายดังกล่าว ซึ่งมีหนี้สินอย่างน้อย 10 ล้านเยน หรือ 66,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.15 ล้านบาทขึ้นไป มีเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันในปีงบประมาณผ่านมา โดยมีจำนวน 5,172 ราย ที่สำคัญ นับเป็นการล้มละลายเพิ่มขึ้นติดต่อกันปีที่ 4 สำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงินดังกล่าว
ธุรกิจขนาดเล็กสัญชาติญี่ปุ่นเผชิญกับความยากลำบากมากมาย บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำกว่า 10 ล้านเยน หรือต่ำกว่า 2.2 ล้านบาท และบริษัทที่มีหนี้สินต่ำกว่า 100 ล้านเยน หรือต่ำกว่า 22 ล้านบาท มีสัดส่วนกว่า 70% ของบริษัทที่ล้มละลาย อย่างไรก็ตาม หนี้สินโดยรวมของบริษัทที่ล้มละลายในช่วงดังกล่าวกลับลดลง 49.6% มีมูลค่า 6.927 แสนล้านเยน หรือกว่า 152,394 ล้านบาท
การล้มละลายที่มีสาเหตุมาจากการขาดแคลนแรงงานนั้น พบว่า เพิ่มขึ้นเป็น 202 ราย จาก 151 รายในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปีงบการเงิน 2013
โตเกียว โชโก รีเสิร์ช เปิดเผยว่าการขึ้นค่าจ้างเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แต่บริษัทที่ไม่มีความแข็งแกร่งทางการเงินกำลังล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขการจ้างงานที่ดีขึ้นที่บริษัทขนาดใหญ่เสนอได้ นอกจากนี้ ต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น รวมถึงอาหารและพลังงาน ซึ่งเกิดจากเงินเยนที่อ่อนค่านั้น กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาอุปสงค์ในประเทศ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแต่ละรายอุตสาหกรรมพบว่า ภาคบริการมีจำนวนบริษัทล้มละลายสูงสุดที่ 1,762 ราย เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี รองลงมาคือภาคการก่อสร้าง ซึ่งกำลังเผชิญกับต้นทุนวัสดุที่สูงขึ้น