น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบาย Digital Taxi Meter กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการรถแท็กซี่มิเตอร์ เพื่อสร้างความโปร่งใส และเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ เป็นการปรับเทคโนโลยี ไม่ใช่การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารแต่อย่างใด โดยเฉพาะปัญหาแท็กซี่ปฎิเสธรับผู้โดยสาร ขณะนี้ ได้สั่งการให้ขบ. นำระบบ QR Code มาใช้ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถสแกนร้องเรียนได้ทันที ซึ่งแท็กซี่ทุกคันติดสติกเกอร์ QR Code ด้านข้างตัวรถเห็นชัดเจน
ซึ่งกระทรวงได้เดินหน้ายกระดับความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ Digital Taxi Meter ไม่ใช่เพียงการปรับเครื่องคิดค่าโดยสาร แต่จะมีระบบ QR Code ที่ผู้โดยสารสามารถสแกนเพื่อตรวจสอบตัวตนคนขับได้ทันที ป้องกันแท็กซี่เถื่อนหรือการสวมสิทธิ์ และมีช่องทางเชื่อมโยงไปยังระบบรับเรื่องร้องเรียนของ ขบ. โดยตรง ทำให้ผู้โดยสารสามารถแจ้งเหตุเมื่อถูกปฏิเสธได้ทันที ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำให้ผู้โดยสารมั่นใจว่าปลอดภัยและตรวจสอบได้ อีกทั้งจะมีช่องทางในการประเมินค่าโดยสาร เพื่อให้ประชาชนประมาณการค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ ที่สำคัญจะมีระบบ GPS ติดตั้งในมิเตอร์ ตรวจสอบค่าโดยสารกับรอบวิ่งจริงพร้อมแจ้งมาที่ ขบ. กรณีมีการคิดค่าโดยสารผิดปกติ
สำหรับ QR Code จะมีข้อมูลคนขับ ดังนั้นเมื่อผู้โดยสารสแกนจะมีข้อมูลทั้งหมด นอกจากให้ผู้โดยสารร้องเรียนได้แล้ว จากนั้น ขบ.จะใช้ระบบGPS ที่จะติดตามรถแท็กซี่ ทำให้รู้พฤติกรรมการขับขี่ เป็นตัววัด KPI ของแท็กซี่ได้อีกด้วย QR Code เป็นเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ก่อนเพื่อความสะดวก และเน้นความปลอดภัย เพื่อเก็บข้อมูล ปัญหาต่างๆ
รวมทั้งใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทย Digital Taxi Meter มีการนำระบบ GPS มาใช้ สามารถนำข้อมูลมาใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ขับขี่ (KPI) เช่น พฤติกรรมการขับรถ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทยในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมยืนยันว่า “ยังไม่ขึ้นราคา” แต่กำลังศึกษาแนวทางค่าโดยสารที่เป็นธรรม การพัฒนาระบบ Digital Taxi Meter ยังอยู่ระหว่างการศึกษาถึงการดำเนินการเท่านั้น เป็นเพียงแนวคิดที่ต้องศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านทุกมิติ ซึ่งหากมีผลบังคับใช้แล้วจะใช้สำหรับรถใหม่ที่จดทะเบียนในอนาคตหรือภาคสมัครใจ โดยจะต้องไม่กระทบหรือเป็นภาระกับผู้ขับรถแท็กซี่ปัจจุบัน ทั้งนี้ ขอยืนยันกระแสข่าวที่จะมีการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ว่า”ไม่เป็นความจริง” ยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารแต่อย่างใด
โดยเปิดโอกาสให้แท็กซี่รายเดิมเข้าร่วมได้ จากกระแสข่าวที่ระบุว่า Digital Taxi Meter นี้ จะรองรับเฉพาะแท็กซี่ใหม่อายุไม่เกิน 4 ปี และรถใหม่ อาจทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ขับขี่แท็กซี่เดิม ขอย้ำว่า “แท็กซี่เดิมสามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน” หากมีการปรับปรุงสภาพรถให้พร้อมใช้งาน ดูแลความสะอาด และผ่านการตรวจสภาพตามเกณฑ์ที่ ขบ. กำหนด แนวทางนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการแท็กซี่รายเดิมยังคงอยู่ในระบบได้ ขณะเดียวกันเป็นการยกระดับคุณภาพของรถแท็กซี่โดยรวมอีกด้วย
และมุ่งเน้นความปลอดภัยและความสะดวกของผู้โดยสาร หัวใจของ Digital Taxi Meter คือ “การสร้างความมั่นใจให้ประชาชนผู้ใช้บริการ” ว่าจะได้รับบริการที่ปลอดภัย สะดวก และโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่ถูกเอาเปรียบ
ปัจจุบัน มีแท็กซี่มิเตอร์ให้บริการประมาณ 69,000 คัน ซึ่ง ขบ.จะเร่งดำเนินการติดสติ๊กเกอร์ QR Code โดยเร็ว ทั้ง ในช่วงที่แท็กซี่เข้ามาตรวจสภาพ ปีละ 2 ครั้ง รวมถึงประสานกับสหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ และแท็กซี่สุวรรณภูมิ ที่มีประมาณ 5,000 คัน ขณะที่ มีบทลงโทษ แท็กซี่ที่ถูกร้องเรียน ในกรณีต่างๆ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท และมีการลงบันทึกประวัติข้อมูล หากมีพฤติกรรมก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของการให้บริการรถสาธารณะ จึงลงโทษพักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 1 เดือนและหากตรวจพบว่า มีการฝ่าฝืนกระทำผิดซ้ำจะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป ส่วนการปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่นั้น อยู่ระหว่างการศึกษา ใกล้เสร็จแล้ว แต่จะมีการวิเคราะห์ ผลกระทบอย่างละเอียดรอบคอบ และการดำเนินการอย่างไรจะต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งไม่ทันรัฐบาลชุดนี้