ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่าข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และ ttb analytics ณ เดือนมิถุนายน 2567 ชี้ว่า คนไทยเกือบ 40% มีหนี้ในระบบ โดยมีหนี้สินเฉลี่ยสูงกว่า 5 แสนบาทต่อคน โดยเฉพาะกลุ่มวัยสร้างครอบครัวอายุ 35-60 ปี ที่มีภาระหนี้สูงที่สุด ขณะที่หนี้สินเชื่อส่วนบุคคลยังคงเป็นภาระของทุกช่วงวัย แม้กระทั่งในวัยเกษียณ
ธนาคารทีทีบี (ttb) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการเงินคนไทยผ่านผลการทำสำรวจ ttb financial health check หรือโปรแกรมตรวจสุขภาพทางการเงินออนไลน์ของมนุษย์เงินเดือนในประเทศไทยจำนวนกว่า 96,000 คน ในระหว่างเดือนสิงหาคม 2566 – กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า 8 ใน 10 หรือกว่า 82% ของมนุษย์เงินเดือนมีภาระหนี้
โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ส่วนบุคคลและบัตรเครดิตคิดเป็นสัดส่วนถึง 53% (รองลงมาคือหนี้รถคิดเป็น 17% และหนี้บ้าน 15%) ที่สำคัญคือ 49% ของมนุษย์เงินเดือนมีหนี้สะสมจากพฤติกรรมจ่ายขั้นต่ำ หรือผิดนัดชำระ และยิ่งไปกว่านั้น 65% ของคนที่จ่ายไหว ยังเป็นการชำระเงินขั้นต่ำ ทำให้เกิดความเสี่ยงสะสมจากดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นและอยู่ในวงจรหนี้ไม่สิ้นสุด
พฤติกรรมทางการเงินของมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ยังขาดภูมิคุ้มกันทางการเงินที่เพียงพอ โดยพบว่า 77% มีเงินออมน้อยกว่า 10% ของรายได้ และ 70% ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินเพียงพอ (มีเงินสำรองฉุกเฉินไว้ใช้น้อยกว่า 6 เดือน) ยิ่งไปกว่านั้นมากถึง 80% ไม่มีความคุ้มครองที่เพียงพอหากเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายไม่คาดฝัน
ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ปานกลางหรือต่ำเท่านั้น เพราะจากข้อมูลพบว่า 32% ของผู้ที่มีรายได้เกิน 100,000 บาทต่อเดือนยังคงใช้ชีวิตเดือนชนเดือน และอีก 16% มีรายจ่ายมากกว่ารายได้สะท้อนว่าความไม่มั่นคงทางการเงินเกิดขึ้นกับทุกระดับรายได้
นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ประเทศไทยมีมนุษย์เงินเดือนกว่า 12.5 ล้านคน คิดเป็น 30% ของแรงงานทั้งหมด และสร้างรายได้ภาษีบุคคลธรรมดามากถึง 90% หรือกว่า 2.7 แสนล้านบาทต่อปี ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจและสังคมไทย
แต่วันนี้กลับต้องแบกรับความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งภาระหนี้ การขาดเงินออมและเงินฉุกเฉิน การใช้ชีวิตเดือนชนเดือนแม้มีรายได้สูง รวมถึงความคุ้มครองที่ไม่เพียงพอ สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า การเร่งสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน การวางแผนทางการเงิน ตลอดจนการเลือกเครื่องมือทางการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน”