นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน (กรณีการไม่ออกใบอนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์) โดยผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผผ.) รายงานว่า บริษัทเอกชน (ผู้ร้องเรียน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิตให้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมสุราแช่ชนิดเบียร์ ประเภทผลิตและจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 ณ สถานที่ผลิตที่ได้รับอนุญาต โดยมีการกำหนดขอบเขตการผลิตไว้ระหว่าง 100,000-1,000,000 ลิตร/ปี และมีเงื่อนไขไม่ให้ดำเนินการบรรจุภาชนะหรือจำหน่ายสุราภายนอกสถานที่ผลิต
ต่อมากระทรวงการคลัง (กค.) ได้ออกกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 กำหนดให้โรงงานที่มีลักษณะเหมือนกับโรงงานของผู้ร้องเรียนอยู่ภายใต้กฎกระทรวง ข้อ 16 (1) (ก) [ผลิตและจำหน่าย ณ สถานที่ผลิต (ไม่บรรจุภาชนะที่ติดเครื่องหมายเสียภาษี)] ซึ่งผู้ร้องเรียนเห็นว่าตนมีคุณสมบัติและเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในข้อ 16 (1) (ข) [ผลิตและจำหน่ายนอกสถานที่ผลิต (บรรจุภาชนะที่ติดเครื่องหมายเสียภาษี)] ของกฎกระทรวงดังกล่าว จึงได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์
พร้อมทั้งแสดงหนังสือตอบข้อหารือจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ว่าโรงงานของผู้ร้องเรียนมีกำลังการผลิตเพียง 210,000 ลิตร/ปี และไม่อยู่ในข่ายกิจการที่ต้องจัดทำรายงาน EIA ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตมีคำสั่งไม่อนุญาตตามคำขอดังกล่าว
โดยให้เหตุผลว่าตามข้อ 16 (1) (ข) แห่งกฎกระทรวง กำหนดให้ผู้ขออนุญาตต้องจัดทำและได้รับความเห็นชอบในรายงาน EIA อย่างเป็นทางการ และหนังสือหารือจาก สผ. ไม่ถือเป็นรายงาน EIA ตามที่กฎหมายกำหนด กรมสรรพสามิตจึงเห็นว่าคำขอรับใบอนุญาตไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงดังกล่าว
จึงมีคำสั่งไม่อนุญาต และเมื่อคำอุทธรณ์ของผู้ร้องเรียนไม่ปรากฏพฤติการณ์อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม กค.จึงวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ร้องเรียน ต่อมาผู้ร้องเรียนจึงยื่นเรื่องร้องเรียน กค. และกรมสรรพสามิต กรณีไม่พิจารณาออกใบอนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์ให้แก่ผู้ร้องเรียนเนื่องจากไม่มีรายงาน EIA
โดยผู้ตรวจการแผ่นดินได้แสวงหาข้อเท็จจริงโดยการลงพื้นที่และประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กรมสรรพสามิต สผ. และผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาแล้วมีความเห็นร่วมกันว่า ข้อกำหนดตามข้อ 16 (1) (ข) แห่งกฎกระทรวง ออกตามพระราชบัญญัติกรมสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีลักษณะที่ทำให้ผู้ประกอบการกิจการผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์ขนาดกลางและขนาดเล็กไม่สามารถได้รับใบอนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์ได้
จึงควรปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ของไทยให้มีความเข้มแข็ง มีมาตรฐานที่ดี ลดอุปสรรคและภาระแก่ผู้ผลิตเบียร์ภายในประเทศ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เบียร์ให้มีความหลากหลาย และมีราคาที่เป็นธรรมสำหรับผู้บริโภค โดยอาจกำหนดเงื่อนไขในการขออนุญาตและมาตรการควบคุม กำกับ และดูแลการประกอบกิจการที่แตกต่างกันตามขนาดการผลิต
ดังนั้น ผผ.จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 230 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบมาตรา 22 (3) และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 เสนอ ครม.รับทราบกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะ เช่น (1) ให้มีการพิจารณาทบทวนแนวทางการพิจารณากฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มาตรา 153 โดยไม่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อาจเป็นการเลือกปฏิบัติ หรือผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระเกินสมควร(2) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการสนับสนุนประชาชนฐานรากให้เข้าถึงแหล่งทุนและตลาดอย่างเป็นธรรม เพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเบียร์ (3) ให้รัฐบาลแต่งตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรม
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กค.) เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ โดยให้ กค.สรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม แล้วส่งให้ สลค.ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจาก สลค. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป