กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแฝงมาในรูปแบบของนิติบุคคล 

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับความผิดปกติในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล เช่น บุคคลเดียวกันขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลจำนวนมาก หรือนิติบุคคลหลายๆ รายมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่เดียวกัน เป็นต้น รวมทั้งได้รับแจ้งจากหน่วยงานภายนอก โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับแนวโน้มของผู้กระทำผิดที่หันมาใช้นิติบุคคลเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดเพิ่มมากขึ้น จึงได้กำหนดเป็นภารกิจเร่งด่วนของกรมฯ ที่จะต้องเร่งป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานภายในระดับกอง ได้แก่ กองป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินการกับเรื่องดังกล่าวเป็นการเฉพาะอย่างเร่งด่วน และได้มีการหารือร่วมกับ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่พบว่า มีการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดหรือก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น อาทิ ปัญหาบัญชีม้านิติบุคคล สแกมเมอร์ และการหลอกลวงประชาชนด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มีการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวระหว่างกันด้วยดีตลอดมา

สำหรับการหารือในครั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานได้บรรลุข้อตกลงที่จะช่วย  ให้การปฏิบัติภารกิจของแต่ละหน่วยงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยกรมฯ จะให้การสนับสนุนและเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลที่มีความผิดปกติหรือมีเหตุอันควรสงสัยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวน และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางในการกำหนดมาตรการป้องกันการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิด เช่น การหลอกลงทุน หรือปัญหาบัญชีม้า โดยข้อมูลจากการรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า ปัญหาบัญชีม้านิติบุคคล มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กรมฯ จึงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวและสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามบัญชีม้านิติบุคคลอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะดำเนินการรักษาความสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกในการให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลกับการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายควบคู่กัน แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีกลุ่มมิจฉาชีพเพิ่มมากขึ้น กรมฯ จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงหรือกำหนดหลักเกณฑ์ในการจดทะเบียนนิติบุคคลหลังจากนี้ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้นต่อไป อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles