ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง รายงานว่า เปิดการซื้อขายตลาดหุ้นในวันนี้ 31 ตุลาคม 2025 ราคาหุ้นของบริษัทบีวายดีปรับลดลงมากถึง 6.4% รับการประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของบีวายดีที่ออกมาชะลอตัวลงทั้งในแง่ยอดขายภาพรวม ยอดขายสุทธิ กำไรภาพรวม และยอดส่งมอบรถในตลาดรถยนต์จีน
บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรืออีวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ปรากฏว่า กำไรสุทธิทรุดลงมาเหลือที่ 7,820 ล้านหยวน หรือ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 36,300 ล้านบาท ดำดิ่งลงถึง -32.6% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 3 ในปี 2024 ผ่านไป ไม่เพียงส่งผลเป็นกำไรสุทธิรายไตรมาสที่ดำดิ่งหนักมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา แต่ยังเป็นผลกำไรสุทธิรายไตรมาสทรุดลงต่อเนื่องถึง 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ด้านรายได้ในภาพรวมของบีวายดีทั้งหมดลดลงมาอยู่ที่ 194,980 ล้านหยวน หรือกว่า 896,908 ล้านบาท หรือลดลง -3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ที่สำคัญคือรายได้ภาพรวมทั้งหมดนั้นไม่ถึงที่คาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 216,000 ล้านหยวน หรือกว่า 993,600 ล้านบาท หรือไม่ถึงที่คาดการณ์ไว้ 96,992 ล้านบาท
ขณะที่ ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ของบีวายดีในไตรมาสที่สามปรากฏว่าร่วงลง -2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายทั้งหมดในไตรมาสดังกล่าวที่ 1.10 ล้านคัน ส่งผลทำสถิติยอดขายรถของบีวายดีที่ตกต่ำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปีที่ผ่านมาหรือนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ในปี 2020 สอนรับกับยอดขายของรถบีวายดีในเดือนกันยายนพบว่าร่วงลง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ทำสถิติยอดขายของรถบีวายดีรายเดือนที่สุดต่ำลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 8 เดือน หรือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2024
นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีน เปิดเผยว่าภาวะดังกล่าวสะท้อนถึงบีวายดีต้องใช้กลยุทธ์การลดราคาเพื่อต่อสู้สงครามลดราคาที่มาจากคู่แข่งมาเป็นเวลานาน แต่นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน เปิดเผยว่า ยอดขายที่ลดลงเป็นผลมาจากบีวายดีพยายามเร่งระบายสต๊อกตกค้างของรถรุ่นเดิมก่อนที่จะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่เป็นโมเดล 2026
การแข่งขันในตลาดรถยนต์ภายในประเทศจีนมีความรุนแรงตลอดเวลา ซึ่งบีวายดีพยายามที่จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ภายในประเทศจีน ท่ามกลางการทำสงครามราคาของแต่ละค่ายภายในตลาดรถยนต์ของจีน ตรงกันข้ามกับ 2 ค่ายคู่แข่งอย่าง เช่น จีลี่ ออโตโมบิล โฮลดิ้งส์ มียอดขายเพิ่มขึ้น +96% และฉงชิ่ง ฉางอัน ออโตโมบิล 84%
 
								 
															 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								