ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ปริมาณการนำเข้าเครื่องซักผ้าของสหรัฐฯ จากประเทศคู่ค้าลดลง โดยเฉพาะในช่วง เมษายน–กรกฎาคม 2568 สะท้อนผลกระทบจากมาตรการภาษี และแนวโน้มที่ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่ผลิตภายในประเทศแทน โดยมูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้าของไทยไปยังสหรัฐฯ ในปี 2568 คาดว่าจะหดตัวราว 6% จากแรงกดดันของมาตรการภาษีศุลกากรตอบแทน (Reciprocal Tariff) ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้การนำเข้าเครื่องซักผ้าจากต่างประเทศหดตัวลง
สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสำคัญของเครื่องซักผ้าไทย
ปัจจุบันไทยอยู่ในอันดับ 3 ของผู้ส่งออกเครื่องซักผ้าไปสหรัฐฯ รองจากเม็กซิโกและจีน ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ยังถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย มีสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของมูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้า โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกเครื่องซักผ้าไปสหรัฐฯ คิดเป็น 23% ของมูลค่าส่งออกเครื่องซักผ้าจากไทยไปตลาดโลก และเกือบทั้งหมดเป็นเครื่องซักผ้า ความจุมากกว่า 10 กก.
เมื่อพิจารณาเฉพาะเครื่องซักผ้าที่มีความจุมากกว่า 10 กก. ซึ่งเป็นประเภทหลักที่ไทยส่งออก จะพบว่าสหรัฐฯ นำเข้าจากไทยมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของการมูลค่านำเข้าทั้งหมด
นอกจากนี้ กว่า 96% ของเครื่องซักผ้าความจุมากกว่า 10 กก. ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นเครื่องซักผ้าฝาบน โดยมีคู่แข่งอย่าง เม็กซิโก และ จีน ขณะที่ประเทศคู่แข่งส่วนใหญ่เน้นส่งออกเครื่องซักผ้าฝาหน้าไปสหรัฐฯ เป็นหลัก หลังขึ้นภาษี ไทยยังคงได้เปรียบในการส่งออกเครื่องซักผ้าฝาบนไปสหรัฐฯ
การจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบแทน (Reciprocal Tariff) จากไทยในอัตรา 19% รวมถึงภาษีส่วนประกอบเหล็กในอัตรา 50% ภายใต้ Section 232 ส่งผลให้ต้นทุนการส่งออกเครื่องซักผ้า ความจุมากกว่า 10 กก. จากไทยไปสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้ไทยมีแนวโน้มเสียเปรียบด้านการแข่งขันเมื่อเทียบกับเม็กซิโก (ภายใต้กรอบ USMCA) และเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงได้เปรียบทางภาษีเมื่อเทียบกับ จีน และ เวียดนาม
โดยภาพรวม ราคานำเข้าเครื่องซักผ้าฝาบน ความจุมากกว่า 10 กก. จากไทยไปยังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราภาษีนำเข้าใหม่ ไทยยังคงสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ดี ในการส่งออก เครื่องซักผ้าฝาบน ความจุมากกว่า 10 กก. เนื่องจากราคานำเข้าหลังรวมภาษีของไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่ง ทั้งก่อนและหลังการปรับขึ้นภาษี
การนำเข้าเครื่องซักผ้าจากต่างประเทศลดลง
มาตรการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบแทน (Reciprocal Tariff) ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าเครื่องซักผ้าจากต่างประเทศลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงเดือน เมษายน ถึง กรกฎาคม แม้แต่การนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีตามข้อตกลง USMCA ก็ยังหดตัวลงในช่วงหลังการขึ้นภาษีเช่นเดียวกับไทย สะท้อนแรงกดดันจากมาตรการภาษีที่ส่งผลต่อการนำเข้าเครื่องซักผ้าโดยรวม
ในอีกด้านหนึ่ง ยอดขายของร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในสหรัฐฯ ยังคงทรงตัวได้ในช่วงเดือนเมษายน ถึง กรกฎาคม สะท้อนให้เห็นว่า แม้การนำเข้าจะลดลง แต่ยอดขายภายในประเทศยังคงทรงตัวอยู่ ซึ่งอาจเป็นผลจากผู้บริโภคที่หันไปเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่ผลิตภายในประเทศแทนเครื่องซักผ้านำเข้า ทั้งนี้ แนวโน้มดังกล่าวอาจจะเป็นแรงกดดันต่อการส่งออกเครื่องซักผ้าของไทยในระยะข้างหน้า