ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 46,912 จุด จุด -398 หรือ -0.48% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,720 จุด -75 จุด หรือ -1.12% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 23,053 จุด -445 จุด หรือ -1.90%
สาเหตุจาก นักลงทุนหวนกลับเทขายหุ้นในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี โดยเฉพาะในธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำ เช่น เอ็นวีเดีย ไมโครซอฟท์ เทสลา และ เอเอ็มดี ร่วงลงอย่างหนัก จากความกังวลเกี่ยวกับเรื่องราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีราคาสูงเกินปัจจัยแท้จริงอย่างมาก ขณะที่จำนวนแรงงานที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งงานในเดือนตุลาคมของสหรัฐอเมริกา มีจำนวนกว่า 153,000 คนพุ่งสูงกว่า 150% สูงสุดในรอบกว่า 20 ปีที่ผ่านมา
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด หรือ ซีเอ็มอี วอทช์ ในการประชุมเดือนธันวาคม 2025 ปรากฎว่า มีโอกาสลดลงมาอยู่ที่ 67% จากเดิมที่ระดับ 90% สะท้อนถึงนักลงทุนมีความไม่มั่นใจสูงขึ้นที่เฟสจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามติดต่อกันและมีความเป็นไปได้ที่เฟสจะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าจะมีการปรับลดลงถึง 3 ครั้งในช่วงที่เหลือตั้งแต่ครึ่งปีหลังจนถึงสิ้นปีนี้
