ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 6 พฤศจิกายน 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 59.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.17 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.29% ส่งผลราคาน้ำมันปิดลง 3 วันติดกันรวม -1.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.68%
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 63.38 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.14 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.22% ส่งผลราคาน้ำมันปิดลง 3 วันติดกันรวม -1.51 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.35% ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบที่ปิดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เป็นวันที่ 2 ติดกัน
สาเหตุจากปริมาณน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นถึง 5.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่จะเพิ่มขึ้นถึง 603,000 บาร์เรล ภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาชัตดาวน์เข้าสู่วันที่ 37 ติดต่อกัน ซึ่งกลายเป็นสถิติภาวะดังกล่าวยาวนานมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา นักวิเคระห์คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริการวมถึงความต้องการใช้น้ำมันดิบอีก ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเกิดภาวะชะลอตัวมากจากภาคการผลิตอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม โดยมีตัวเลขหดตัวลงอย่างรวดเร็วในรอบ 19 เดือน
กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเบาบางที่วันละ 137,000 บาร์เรลในเดือนธันวาคมนี้ และมีมติยุติการเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบเป็นการชั่วคราวในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2026
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศหรือไออีเอ เปิดเผย การคาดการณ์ภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกในปี 2026 พบว่าจะมีปริมาณน้ำมันดิบมากกว่าความต้องการบริโภคทั่วโลกสูงถึง 4,000,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากกลุ่มโอเปคพลัสยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่มเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่กลางปี 2025 นี้ไปจนถึงปี 2026 ท่ามกลางแนวโน้มการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปีหน้ายังคงชะลอตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวในทิศทางที่อ่อนแอลง
ทั้งนี้ กบน. มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 05.00 น. ราคากลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอลล์ -30 สตางค์/ลิตร ดีเซลลง -50 สตางค์/ลิตร นับเป็นการปรับลดราคาน้ำมันครั้งแรกในรอบ 17 วันผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม ส่งผลให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินมีราคาถูกสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 และดีเซลมีราคาขายถูกสุดในรอบ 1 ปี 5 เดือนผ่านมา