นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ ปรับเปลี่ยนบางมาตรา และบางส่วน โดยบางส่วนเป็นการนำกฎหมายอื่นที่มีเนื้อหาคาบเกี่ยวกันมาไว้ในฉบับเดียวกัน กรณีที่เป็นข่าวเกี่ยวกับข้อห้ามบริโภคแอลกอฮอล์ในสถานที่จำหน่าย หรือให้บริการเพื่อการค้าในเวลาห้ามขายนั้น ข้อห้ามดังกล่าวไม่ใช่ข้อกำหนดใหม่ แต่เป็นข้อกำหนดที่มีอยู่เดิมในคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 (ปว.) 253 ซึ่งอยู่ในอำนาจการบังคับใช้ของกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมักใช้ตรวจสอบร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาเที่ยงคืน หากในอนาคตมีการพิจารณาปรับปรุงเพื่อกำหนดระยะเวลาการบริโภคหลังเวลาห้ามขาย จะต้องมีกฎหมายลูกมาประกอบ ซึ่งต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป
นพ.นิพนธ์กล่าวอีกว่า สำหรับกระแสข่าวที่เผยแพร่ออกไป ทำให้ประชาชนบางส่วนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่าออกข้อห้ามใหม่ แต่หากอนาคต รัฐบาลเห็นควรปรับปรุงกฎหมายในส่วนของเวลา จะต้องเสนอให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พิจารณาอีกครั้ง
ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวถึงกรณี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน โดยห้ามลูกค้านั่งดื่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืนถึง 11 โมงเช้า และช่วงเวลาบ่าย 2-5 โมงเย็น หากฝ่าฝืนมีสิทธิถูกปรับ 1 หมื่นบาท ว่า ผู้ประกอบการภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ กำลังสับสนกับกฎหมายฉบับใหม่ ถึงความชัดเจนในการบังคับใช้ และขอบเขตการบังคับใช้ ตอนนี้วิตกว่าถ้าถึงเวลาห้ามขาย หากมีลูกค้า หรือฝรั่งนักท่องเที่ยวนั่งดื่มต่อ ทั้งๆ ที่เครื่องดื่มเหลือครึ่งขวด หรือครึ่งเหยือก จะโดนปรับ 10,000 บาท ทั้งร้าน และตัวลูกค้าที่นั่งดื่มอยู่ เวลานี้มีการแจ้งเตือนของสถานทูตต่างประเทศในไทยแล้ว
ดังนั้นทำให้สมาคม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย สมาคมโรงแรม ชมรมร้านอาหารกลางคืน ผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร และตัวแทนจากธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เตรียมประชุมหารือ รวบรวมปัญหา และข้อเสนอแนะ ทำเป็นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อขอเข้าพบ อธิบาย และรับฟังนโยบาย ซึ่งก่อนหน้านายอนุทิน เคยกล่าวถึงการขยายโซนนิ่ง และขยายเวลาปิดสถานบริการ ให้สอดคล้องกับความนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“ก่อนที่ความสับสน และไม่รู้ถึงขั้นตอนทางกฎหมายฉบับใหม่อยู่ตรงไหน จะกลายเป็นอุปสรรคหลักในต่อการท่องเที่ยว และลดทอนการใช้จ่ายภาคท่องเที่ยว ซึ่งกำลังเข้าช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะชาวยุโรปกำลังทยอยเดินทาง และเข้าพักในไทยมากขึ้น เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมนิยม และเคยชินกับการดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำคืน ร้านบริการที่จำหน่ายดริงก์ที่ไม่ได้มีใบอนุญาตสถานบริการโดยเฉพาะ อย่างภัตตาคาร หรือโรงแรม จะลำบากในการทำการค้า ต่างประเทศก็จับตามอง ออสเตรเลียเป็นชาติแรกที่เตือนนักท่องเที่ยวของเขาแล้ว ผู้ประกอบการไทยเองยังงงๆ สับสนๆ บังคับใช้กฎหมายใหม่ เกรงว่าต่างชาติจะไปเที่ยวประเทศอื่นแทน หากไม่ชัดเจน อาจเป็นช่องโหว่ทางกฎหมาย และกระทบต่อความเชื่อมั่นไทยต่อสายตานักท่องเที่ยว”