ดัชนี SET Index หุ้นไทย เปิดเช้านี้ อยู่ที่ 1,288.64 จุด เพิ่มขึ้น 3.84 จุด หรือ +0.21% มูลค่าซื้อขาย 698.57 ล้านบาท โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดแกว่งไซด์เวย์/พักตัว ตลาดหลุดแนวรับสำคัญ 1,300/1,298 จุด ส่งผลให้ปรับตัวลงแรงมาที่ 1,285 จุด แนวรับที่ให้ไว้พอดี นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อ 1.4 พันล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เปิดเผยว่า ผลประกอบการโค้งสุดท้ายที่ต่ำกว่าคาดกดดันตลาดระยะสั้น ในขณะที่ความเสี่ยงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเพิ่มขึ้นกดดันจิตวิทยา แม้คาดว่าไม่กระทบเศรษฐกิจและกำไรรวมนัก เทคนิคที่แนวรับ 1,285 จุด อาจชะลอการลงสั้น แต่ทิศทางหลักกลับมาแกว่งลงมีแนวรับถัดไปที่ 1,275/1,265 จุด การขึ้นมีแนวต้าน 1,290/1,295 จุด
โดยแนะให้ติดตามการลงมติงบประมาณชั่วคราวของสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ ในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หากสภาผู้แทนฯ มีมติ อนุมัติ กฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปประธานาธิบดีเพื่อลงนาม
OPEC คงประมาณการเติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกปี 2568 และ 2569 ที่ +1.3MBD (+1.25%) และ +1.4MBD (+1.31%) ตามลำดับ แต่มองตลาดนํ้ามันจะเข้าสู่สมดุลในปี 2569 จากคาดการณ์การเติบโตอุปทานฝั่ง non-OPEC+ ที่ขยายตัวสูงขึ้นในปีนี้
รวมทั้งปลัดคลังเผยว่ากระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม “คนละครึ่งพลัส” เฟสสอง ซึ่งมีจุดประสงค์ต้องการเก็บตกประชาชน ที่พลาดการเข้าร่วมในเฟสแรก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง แต่จะต้องรอการพิจารณาจัดสรรงบประมาณและวงเงินที่ประชาชนจะได้รับ และกรณี ผู้ว่าฯ กทม. เผยสถานการณ์น้ำหนุนใน พ.ย. 2568 ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากได้ผ่านพ้นวันที่มีน้ำหนุนสูงสุดไปแล้วในวันที่ 8 พ.ย. แม้จะเผชิญวันน้ำหนุนสูงอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งคาดจะไม่สูงมาก เนื่องจากสถานการณ์น้ำในภาคเหนือคาดจะบรรเทาลง และประตูระบายนํ้ามีความพร้อมในปีนี้ ต่างจากในปี 2554 ที่มีปัญหา
ตลอดจนสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังต่างฝ่ายอ้างว่าอีกฝั่งได้เปิดฉากยิงใส่กันอีกครั้ง เป็น Sentiment เชิงลบ ต่อหุ้นที่มีการลงทุนหรือธุรกิจในกัมพูชา เช่น CBG, AEONTS และ SAV
FETCO แสดงความกังวลกรณีที่หุ้น IPO จำนวนมากเปิดซื้อขายต่ำกว่าราคาจองในช่วงที่ผ่านมา มองว่ามีสาเหตุจากการตั้งราคาที่สูงเกินไป ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งเสริมการจดทะเบียนเข้าตลาดของหุ้น ในอนาคตและหันไประดมทุนในต่างประเทศแทน