นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนตุลาคม 2568 พบว่า ความเชื่อมั่นฯทุกรายการปรับตัวดีขึ้นในรอบ 8-9 เดือน
โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นฯในปัจจุบัน ดัชนีความเชื่อมั่นฯในอนาคต อยู่ที่ 51.9 35.3 และ 60.1 เพิ่มจากเดือนกันยายน อยู่ที่ 50.7 34.4 และ 57.3 ตามลำดับ
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นฯเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน ดัชนีความเชื่อมั่นฯเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 45.5 49.6 และ 60.6 เพิ่มจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 44.4 48.5 และ 59.3 ตามลำดับ รวมถึงปรับตัวดีขึ้นของดัชนีภาวการณ์ใช้จ่าย ต่อการซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน ใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยว และการลงทุนทำธุรกิจของเอสเอ็มอี รวมทั้งความสุขในการดำเนินชีวิต ภาวะค่าครองชีพ ปัญหายาเสพติด และสถานการณ์ทางการเมือง ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
ซึ่งสาเหตุที่มีผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค คือ การเมืองในประเทศชัดเจนขึ้น รัฐบาลใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะคนละครึ่งพลัสและเที่ยวดีมีคืน มาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว อีกทั้งยังคงดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% การปรับเพิ่มประมาณการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง การส่งออกมีทิศทางดี และเงินบาทอ่อนค่า
ส่วนปัจจัยลบยังเป็นความรู้สึกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวยังช้า ค่าครองชีพยังสูง แม้เริ่มมีการใช้จ่ายคนละครึ่งพลัสในช่วงแรก ราคาพืชเกษตรตกต่ำ อาทิ ข้าว ยาง คาดมีผลกระทบต่อจีดีพี 0.3-0.4 %ในไตรมาส4 หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท รวมถึงความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และความยืดเยื้อสงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์โลก