นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ความเสียหายของภาคธุรกิจจากการคอรัปชั่นนั้น ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพราะเป็นเรื่องลับไม่ได้มีหลักฐานเอกสารใดๆ คงได้แต่ประเมินกันคร่าวๆจากจีดีพีของไทยที่หายไป จากปัจจุบันที่ 2% แต่หากไม่มีตรงนี้ก็อาจจะโตได้ 3%กว่าถึง 4% ก็อนุมานเอาได้คร่าวว่าส่วนที่หายไปก็จากการคอรัปชั่น” นายพจน์ กล่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ “ต้องผลิตความโปร่งใส” ควบคู่ไปกับสินค้า เพราะคอร์รัปชันคือ “ต้นทุนที่มองไม่เห็น” ที่บั่นทอนการลงทุน เทคโนโลยี และศักยภาพการเติบโตของประเทศ พร้อมย้ำว่าการต่อต้านคอร์รัปชันเป็นเงื่อนไขสำคัญในการยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตที่ได้รับความเชื่อมั่นจากโลก
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวต่อไปว่า ปัญหาคอร์รัปชั่น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ปัญหาเศรษฐกิจแต่เป็นปัญหาของสังคมด้วย ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ไทยควรมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี 4 % แต่กลับเหลือเพียง 2 % นั่นหมายความว่า 2 %ที่หายไปคือการคอร์รัปชั่น ไม่เพียงแค่จีดีพี แต่ความเสียหายที่นับไม่ได้คือ ความเชื่อมั่น ที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ติดอันดับต้นๆของการคอร์รัปชั่น และไร้ความน่าเชื่อถือ ซึ่งถือเป็นต้นทุนของประเทศ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และคณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน กล่าวว่า ผลสำรวจ “ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (Thai CSI)” ประจำเดือนมิถุนายน 2568 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นการสำรวจจาก 3 กลุ่มตัวอย่างหลัก จำนวน 2,400 ตัวอย่าง (ประชาชน, ผู้ประกอบการ/ภาคเอกชน, และข้าราชการ/ภาครัฐ) พบว่า ดัชนีรวมปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 36 จากระดับ 37 ในการสำรวจเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ขณะที่ดัชนี CPI ที่จัดทำโดยต่างประเทศนั้น ไทยอยู่ระดับ 34 เป็นอันดับ 5 ของภูมิภาครองจาก สิงคโปร์ที่ 84 ,มาเลเซียที่ 57, เวียดนามที่ 40, และอินโดนีเซียที่ 34
“ตัวเลขดังนั้นสะท้อนว่าสถานการณ์คอร์รัปชัน ไทยในภาพรวมแย่ลง โดยดัชนีย่อยทั้งด้าน “ปัญหาและความรุนแรง” “การป้องกัน” และ “การปราบปราม” ล้วนปรับตัวลดลงทั้งหมด”
ทั้งนี้ จากที่ประชุม กกร. เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบจัดตั้ง “คณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน” เพื่อรวบรวมข้อเสนอจากภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม จัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเสนอรัฐบาลอย่างเป็นระบบ มุ่งหวังให้มาตรการต่อต้านคอร์รัปชันสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักลงทุน และสร้างระบบเศรษฐกิจ–การเมืองที่โปร่งใส เป็นธรรม และแข่งขันได้