ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 46,448 จุด +202 จุด หรือ +0.44% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,705 จุด +102 จุด หรือ +1.55% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 22,872 จุด +598 จุด หรือ +2.69% ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดเหนือระดับ 46,000 จุดเป็นวันที่ 2 ติดกัน
สาเหตุจากนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีอยู่ในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นถึงภาวะการจ้างงานที่อ่อนแอมากพอที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยระยะสั้นได้อีก 0.25% สอดคล้องกับในวันศุกร์ผ่านไป ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดสาขานิวยอร์ก นายจอห์น วิลเลียม กล่าวว่า เฟดยังคงสามารถปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงได้ในช่วงระยะสั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลเป็นอันตรายต่อภาวะเงินเฟ้อ นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอที่อาจเกิดภาวะฟองสบู่แตก
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด หรือ ซีเอ็มอี วอทช์ ในการประชุมเดือนธันวาคม 2025 ปรากฎว่า มีโอกาสอยู่ที่ 70% จากเดิมที่ระดับ 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน