ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2568 ลงเหลือ 1.9% จากเดิมที่คาดไว้ 2.0% โดยสาเหตุหลักที่ปรับลด GDP มาจากผลกระทบและความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้าใหญ่ของภาคใต้ โดยประเมินว่าจะมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท (ช่วง 1 เดือน) ซึ่งกระทบต่อ GDP ให้ลดลงราว 0.22%
โดยความเสียหายในสัปดาห์แรก (21-30 พ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงวิกฤต มีผลกระทบเฉลี่ยวันละประมาณ 1,500 ล้านบาท เมื่อแยกตามภาคส่วน ความเสียหายสูงสุดคือภาคการท่องเที่ยวและบริการ ประมาณ 22,500 ล้านบาท ภาคเกษตรกรรม ประมาณ 10,700 ล้านบาท ภาคการผลิตและสาธารณูปโภค ประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยสถานการณ์น้ำท่วมส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ 10 จังหวัดเกิดภาวะอัมพาต ธุรกิจการค้า การบริการ และการคมนาคมต้องหยุดชะงักชั่วคราว ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบต้องปิดกิจการชั่วคราวถึง 6 ใน 10
ตลอดจนยังมีการยกเลิกกิจกรรมระดับชาติ เช่น การสัมมนาหอการค้า และการย้ายการแข่งขันซีเกมส์ออกนอกพื้นที่จังหวัดสงขลาทั้งหมด ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเป็นเจ้าภาพกิจกรรมระดับนานาชาติในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบอื่น ๆ กดดัน เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ ที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 32.8 ล้านคน จากเดิมคาดไว้ 33 ล้านคน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ อีกทั้งการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่ลดลง จากพฤติกรรมที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงอุปสงค์ภาครัฐในช่วงไตรมาส 3/68 ที่ลดลงเกือบ 4% ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ ส่งผลให้มีการปรับลด GDP ของปีนี้ลงเหลือ 1.9%
ส่วนในปี 2569 คาดว่า GDP มีแนวโน้มขยายตัวได้ 1.6% ชะลอตัวลงจากปีนี้ โดยปัจจัยที่เป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยในปีหน้า คือ ความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้า และข้อจำกัดทางการเงิน ซึ่งเป็นตัวฉุดรั้งสำคัญที่ต้องระวัง ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่ยังอยู่ในระดับสูง, ภาวะสุญญากาศด้านงบประมาณ ซึ่งอาจมีความล่าช้าในเรื่องของงบประมาณรายจ่าย ปี 2570 ที่จะกระทบต่อการลงทุนภาครัฐในไตรมาส 4/69 และสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงมีอยู่ และกระทบต่อการค้า