หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ออกออกแถลงการณ์ เพื่อแสดงจุดยืน โดยระบุว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในนามภาคเอกชนไทย ขอแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมีเหตุปะทะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา โดยขอเรียนย้ำว่า ภาคเอกชนมิได้สนับสนุนให้เกิดความรุนแรง การเผชิญหน้า หรือสงครามในทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ประเทศไทยถูกละเมิดอธิปไตยและมีการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อตกลงระหว่างประเทศหลายครั้ง ประเทศไทยย่อมมีสิทธิและความจำเป็นในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนตามหลักสากล
หอการค้าไทยเห็นว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องแยกแยะประเด็นด้าน ความมั่นคง ออกจาก ประเด็นทางเศรษฐกิจ อย่างชัดเจน โดยความมั่นคงของประเทศและชีวิตของประชาชนต้องมาก่อนเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก แม้ภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากการปิดด่านการค้าชายแดนที่ยืดเยื้อมากกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อการค้าชายแดน การลงทุน และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ภาคเอกชนเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างเด็ดขาด ชัดเจน และยุติโดยเร็ว เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในเวทีนานาชาติ และทำให้ระบบเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง หอการค้าไทยจึงขอสนับสนุนรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็วและโดยสิ้นเชิง รวมถึงการพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและจำเป็น หากต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศอย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนเห็นว่า การสื่อสารกับนานาชาติระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ภาครัฐควรเร่งสื่อสาร ทำความเข้าใจ และชี้แจงอย่างเป็นระบบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิได้เกิดจากประเทศไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้น แต่เป็นผลจากการละเมิดข้อตกลงและอธิปไตยของไทย โดยฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ลดความคลาดเคลื่อน และรักษาภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก
หอการค้าไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงโดยเร็ว นำไปสู่ความสงบเรียบร้อย สันติภาพ และความมั่นคงของประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยและประชาชนชาวไทยในระยะยาว