นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท.ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ครั้งที่ 21 /2568 เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2568 ที่มี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร เป็นประธาน ถึงผลการเจรจาของ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) หรือ SRTA (บริษัทลูก รฟท.) กับบริษัท เซ็นทรัล อินเตอร์พัฒนา จำกัด เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์พื้นที่ศูนย์การค้าบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน (โครงการเซ็นทรัลลาดพร้าว) ที่จะหมดสัญญาในวันที่ 18 ธันวาคม 2571 โดยจะทำสัญญาใหม่ มีระยะเวลา 30 ปี ขณะที่เซ็นทรัลฯ เสนอลงทุนเพิ่มเติม 4,500 ล้านบาท โดยที่ประชุมบอร์ดรฟท.มอบให้ คณะอนุฝ่ายทรัพย์สิน รฟท.ไปพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องและเหมาะสมอีกครั้ง และให้เสนอบอร์ดอีกครั้ง
โดยทาง SRTA ได้รายงานผลการเจรจา เบื้องต้น มีผลตอบแทนไม่น้อยกว่า สัญญาเดิม ตามมติบอร์ดรฟท.ที่ให้คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ รฟท. จะได้รับต้องไม่น้อยกว่าผลประโยชน์ที่ รฟท. ได้รับอยู่เดิม โดย เซ็นทรัลฯ เสนอแผนลงทุนเพิ่มเติมประมาณ 4,500 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี เป็นการปรับปรุง อาคารทรัพย์สินเดิมและ ระบบ M&E ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ ระบบสื่อสาร ระบบสุขาภิบาลและ ระบบดับเพลิง ที่ใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน จึงจำเป็นต้องปรับปรุง ปรับเปลี่ยนระบบ รวมถึงปรับให้รองรับเรื่องแผ่นดินไหวเพิ่มเติม เป็นต้น
ตามมติบอร์ดรฟท.ครั้งที่ 19/2568 เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2568 อนุมัติให้ SRTA ซึ่งเป็นบริษัทลูกของรฟท. เช่าทรัพย์สินของ รฟท.ที่มีมูลค่าที่ดินและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่มีมูลค่าเกิน 500 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นไปตามที่ SRTA เสนอและมีความพร้อมในการเช่าช่วงดำเนินการ จำนวน 10 รายการ ซึ่ง มีบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน (โครงการเซ็นทรัลลาดพร้าว) อยู่ด้วยและถือเป็นโครงการแรกที่เสนอผลเจรจาเข้ามา โดยรฟท.ได้รับผลตอบแทนจากพื้นที่แปลง พหลโยธินฯ 2 ส่วน โดยSRTA ต้องจ่ายให้รฟท. คือ 1. ค่าเช่าช่วง 2. เงินปันผลจากกำไรที่ SRTA นำไปพัฒนาต่อ ส่วนอีก 9 แปลง SRTA ได้ทำแผนการพัฒนา และรายได้ ภายในปี 2569 เสนอให้รฟท.พิจารณาต่อไป และหลังจากนี้ SRTA จะทยอยนำเสนอแปลง ที่มีมูลค่าเกิน 500 ล้านบาท เข้ามาอีก ส่วนแปลงที่มีมูลค่าต่ำกว่า 500 ล้านบาท SRTA จะทยอยทำแผนเสนอ ซึ่งอยู่ภายในขอบเขตอำนาจการอนุมัติ ของผู้ว่าฯรฟท.
สำหรับ ปัจจุบัน รฟท.มีสัญญา บริษัท เซ็นทรัล อินเตอร์พัฒนา จำกัด ให้สิทธิใช้ประโยชน์ศูนย์การค้าบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน (โครงการเซ็นทรัลลาดพร้าว) สัญญาเลขที่ 904511619 พื้นที่เช่า ประมาณ 47.22 ไร่ หรือ 75,558.65 ตารางเมตร ระยะเวลาใช้ประโยชน์ 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2551 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 18 ธันวาคม 2571 เป็นพื้นที่รวม 314,346.37 ตร.ม. ประกอบด้วย 1. อาคารศูนย์การค้า ส้านักงาน และห้างสรรพสินค้า พื้นที่ 257,402.27 ตร.ม. 2. อาคารโรงแรม 56,944.10 ตร.ม. โดยรฟท.ได้ผลตอบแทน คิดเป็นวงเงินรวมตลอดอายุสัญญา จำนวน 21,298.833 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าธรรมเนียม 2,611.103 ล้านบาท ค่าเช่า 18,687.730 ล้านบาท การปรับเพิ่ม 6% ต่อปี ขณะนี้เหลือค่าเช่า 3 ปี คือ ปี 2569 จำนวน 1,559.111 ล้านบาท ปี 2570 จำนวน 1,652.658 ล้านบาท และปี 2571 จำนวน 1,751.817 ล้านบาท
ขณะที่สัญญาใหม่ ซึ่งรฟท.จะเปลี่ยนเป็นการให้สิทธิ SRTA เป็นผู้เช่าทรัพย์สินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน (โครงการเซ็นทรัลลาดพร้าว) ขนาด 46 ไร่ 2 งาน 73.31 ตารางวา หรือ 18,673.3128 ตร.ว.หรือ 74,693.251 ตร.ม. แล้วให้ SRTA นำไปทำสัญญากับ บริษัท เซ็นทรัล อินเตอร์พัฒนา จำกัด โดยเป็นสัญญาเช่าจัดประโยชน์ 30 ปี เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2571 ถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2601 โดย SRTA เสนอผลตอบแทนให้ รฟท.(มูลค่าปัจจุบันสุทธิ ณ ปีเริ่มสัญญา) เป็นจำนวน 11,003.930 ล้านบาท โดยปรับเพิ่มร้อยละ 3.33 จากมูลค่าสัญญาเดิม โดยแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมจัดประโยชน์ 30% และค่าเช่า 70% (ปรับค่าเช่า 10% ทุก 3 ปี อัตราคิดลด 7%) เป็นระยะเวลา 30 ปี
สำหรับพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน (โครงการเซ็นทรัลลาดพร้าว) ราคาประเมินธนารักษ์ อัตรา 145,000บาท /ตร.ว. คิดเป็นมูลค่าที่ดิน 2,707.631 ล้านบาท มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง 4,896.704 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สิน 7,604.335 ล้านบาท เนื่องจากเมื่อโครงการเซ็นทรัลลาดพร้าว หมดสัญญาในวันที่ 18 ธันวาคม 2571 ทรัพย์สินมูลค่า 7,600 ล้านบาท จะตกเป็นกรรมสิทธ์ของ รฟท. ซึ่งสิ่งปลูกสร้างมีอายุใช้งานยาวนานมากว่า 44 ปี ดังนั้น SRTA จึงให้เซ็นทรัลฯ เสนอแผนลงทุนในการปรับปรุงทรัพย์สิน ซึ่งถือว่าเป็นการก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อทรัพย์สินของ รฟท. และ อาจส่งผลให้มูลค่าทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยมีวงเงินลงทุนปรับปรุงประมาณ 4,500 ล้านบาท ทาง SRTA จึงเสนอผลอบแทน 11,003.930 ล้านบาท ซึ่งคำนวนแล้วไม่น้อยไปกว่าผลประโยชน์ที่ รฟท. ได้รับอยู่เดิม