อ่านเทรนด์ AI ขาด 2025 ธุรกิจไทยได้-เสีย โอกาสไทยปั้น AI l 4, 8 ม.ค. 68 FULL l BTimes

อ่านเทรนด์ AI ปี 2025 เจาะลึกไทมไลน์ ฝ่าทางตัน หาทางรอดให้ธุรกิจคนไทยในยุค AI ไปกับ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกมิติของชีวิตมนุษย์ เฉพาะอย่างยิ่งในด้านการทำงาน ที่หลายคนและหลายองค์กรเลือกที่จะผนวกความสามารถของ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการแทนมนุษย์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางการกระทำ AI ยังไม่สามารถทดแทนได้แบบ 100% และวันนี้ BTimes จะขอพาทุกท่านไปเจาะลึกเทรนด์ AI กับธุรกิจในอนาคตกับ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พูดเรื่อง AI เทรนด์

ดร.สมเกียรติเล่าให้ฟังว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงประมาณ 60–70 ปีก่อน โดยยุคแรก AI จะทำงานในรูปแบบแชตบอท เป็นการถามมาตอบไปแบบง่ายๆ ไม่มีความซับซ้อน เช่น หากเราบอก AI ว่า ‘วันนี้เหนื่อยจัง’ AI ก็จะถามเรากลับมาว่า ‘ทำไมคุณเหนื่อย’ เป็นต้น ต่อมาในช่วงปี 2000 AI ถูกพัฒนาให้มีความฉลาดขึ้นมาอีกระดับ ด้วยการถอดองค์ความรู้จากมนุษย์มาออกแบบเป็นชุดคำสั่ง แต่กระบวนการนี้ค่อนข้างใช้เวลาและมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก

AI Technology
(ขอบคุณรูปภาพจาก Bigc Studio, vecteezy.com)

แต่แล้วการปฏิวัติครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นในช่วงปี 2015 AI ถูกวิวัฒน์ด้วยการนำตัวอย่างจากฐานข้อมูลในโลกออนไลน์ขึ้นมาวิเคราะห์ แล้วสร้างให้เกิดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จนสามารถเอาชนะแชมป์โลกหมากล้อมได้

วิวัฒนาการของ AI ยังไม่จบ แต่เมื่อราวๆ 2 ปีที่ผ่านมา AI ถูกพัฒนาอีกครั้งจนเกิดยุคที่เรียกว่า Generative AI หรือ Gen AI ซึ่งไม่เพียงแต่แต่งกลอน วาดภาพ และสร้างคอนเทนต์ด้วยตัวเองได้ แต่ยังถูกนำมาใช้ในการคัดแยกเกรดปลาดิบ หรือแม้แต่การคัดกรองเบาหวานเข้าจอตา เพื่อตรวจหาโรคจอประสาทตาเบาหวาน

และในปี 2025 กูรูในแวดวงเทคโนโลยียังได้คาดการณ์ว่า AI จะถูกอีโวลต์ร่างขึ้นมาอีกเลเวลจนเกิดยุค ‘AI Agent’ หรือ ‘Agentic AI’ ที่ AI เป็นมากกว่าโปรแกรมให้ข้อมูล แต่จะช่วยมนุษย์ทำงานในบางขั้นตอนที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมผ่านการเชื่อม API หลายตัว เพื่อยกระดับความสามารถในการทำงาน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพแบบง่ายๆ เช่น เมื่อเราทำการคุยกับ AI Agent ว่าเราอยากไปเที่ยวยุโรป แต่จะไปประเทศไหนดี ทาง AI Agent จะทำการให้ข้อมูล พร้อมช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้เราได้ เป็นต้น อีกทั้งยักษ์ด้านเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Microsoft และ Google ก็ได้เริ่มประกาศแผนพัฒนา Agentic AI และเตรียมออกผลิตภัณฑ์ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงที่สามารถตัดสินใจและทำงานให้บรรลุเป้าหมายตามที่องค์กรตั้งไว้ได้

แม้ความฉลาดของ AI จะสามารถช่วยเหลือและแบ่งเบางานของมนุษย์ได้ แต่ในทางกลับกันก็มีความอันตรายแฝงอยู่ หากถูกนำไปใช้กับงานผิดลักษณะ งานที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบภาครัฐหรือกฎหมาย

(ขอบคุณรูปภาพจาก Alexandre Faria, vecteezy.com)

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจรู้สึกว่า AI กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในด้านการทำงานจนกระทบกับแรงงานมนุษย์ใช่หรือไม่? เพราะหากอิงจากข่าวสารที่ออกมาตลอดทั้งปี 2024 จะเห็นว่าหลายบริษัทเลือกที่จะปลดแรงงานมนุษย์ แล้วนำแรงงาน AI เข้ามาแทนที่ แต่ในมุมมองของ ดร.สมเกียรติ กลับบอกว่าทางรอดของมนุษย์คือการปรับตัว เรียนรู้ และดึงเอาข้อดีของเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับการทำงาน โดย ดร.สมเกียรติได้แยกย่อยคนออกเป็น 4 กลุ่ม ให้เห็นชัดๆ ว่าคนกลุ่มใด จะอยู่รอดหรือลำบากในยุค AI ดังนี้

กลุ่มที่ 1: ไซบอร์ก (Cyborg) กลุ่มคนเก่งที่รู้จักการประยุกต์การใช้ AI โดยคนกลุ่มนี้จะเรียนรู้ชนิดที่ว่าหาเพดานจำกัดยากมาก เพราะนอกจากจะเก่งแล้ว ยังสามารถปรับตัว นำข้อดีของเทคโนโลยีในโลกยุคใหม่มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มที่ 2: คนไม่เก่ง แต่รู้จักประยุกต์การใช้ AI โดยคนกลุ่มนี้จะก้าวเข้ามาชิดกับคนกลุ่มไซบอร์กมากขึ้น แต่ยังไล่ไม่ทัน เพราะทักษะของคนกลุ่มนี้อาจจะยังสู้คนกลุ่มไซบอร์กไม่ได้
กลุ่มที่ 3: คนเก่งที่ปฏิเสธการใช้ AI คนกลุ่มนี้แม้ตัวบุคคลเองจะมีความเก่ง แต่ก็ไม่เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยี และท้ายที่สุดทักษะหรือความรู้ที่เคยทำได้ดี ก็อาจจะไม่เพียงพอ เพราะเลือกที่จะไม่ใช้ AI เข้ามาทุ่นแรงและเวลาในการทำงาน
กลุ่มที่ 4: คนที่ไม่ค่อยเก่ง แถมยังปฏิเสธการใช้ AI แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้สู้กับทั้ง 4 กลุ่มไม่ได้อย่างแน่นอน

“อย่าไปทำแข่งกับเขาในสิ่งที่เขาจะทำอยู่แล้ว แข่งก็เจ๊ง แต่มีอะไรที่เขาไม่ทำ เราเติมเข้าไปแล้วนำเอามาประยุกต์ใช้ ผลตอบแทนจะสูงสุดไม่ใช่การพัฒนาเอง แต่คือการประยุกต์ใช้”

ทั้งนี้ หากถามว่าประเทศไทยมีโอกาสที่จะพัฒนาโมเดล AI สัญชาติไทยได้ไหม ดร.สมเกียรติ ได้เล่าให้ฟังว่าในอดีตเคยมีเพื่อนที่ทำบริษัท Search Engines ภาษาไทย แต่สุดท้ายเมื่อผู้เล่นเบอร์ใหญ่ระดับโลกเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย ก็จำต้องปิดตัวลง เพราะมองว่าเมื่อโลกมีบริษัทที่แข็งอยู่แล้ว หากเราเป็นเบอร์เล็กที่กล้าจะกระโจนเข้าไป แน่นอนว่าต้องแบกรับความเสี่ยงมหาศาล ในทางกลับกันเราควรที่จะประยุกต์ใช้ และคิดค้นในส่วนที่ขาด เพื่อเข้าไปเติมเต็มให้ระบบหรือฐานข้อมูลมีความสมบูรณ์มากขึ้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles