เรเว่ เดินหน้าเขย่าวงการส่งท้ายปีกับไฮไลต์สุดพิเศษ เปิดตัว BYD SEALION 7 และเผยโฉม BYD SHARK 6 พร้อมยกทัพ NEV บุคคลและพาณิชย์จากบีวายดี และรถหรูจากเดนซ่ามาให้สัมผัสในงาน Motor Expo 2024
ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ของกลุ่มธุรกิจเรเว่ จัดทัพรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและยานยนต์เชิงพาณิชย์สุดล้ำจากบีวายดี และยนตรกรรมระดับลักชัวรีจากเดนซ่า มาร่วมแสดงในงาน Motor Expo 2024 พร้อมทั้งโชว์หมัดเด็ดที่แฟนๆ ห้ามกระพริบตาอย่างการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทยกับ ‘BYD SHARK 6’ กระบะขุมพลัง Plug–in Hybrid ทั้งยังจัดเต็มกับข้อเสนอและของสมนาคุณสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงานระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 เท่านั้น!
สัมผัสยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่เพื่อโลกยั่งยืนที่บูธ “บีวายดี”
มาพร้อมแนวคิด Futuristic Green Mobility โลกแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จัดเต็มไฮไลต์สุดพิเศษในงานกับการเปิดตัว BYD SEALION 7 และการเผยโฉม BYD SHARK 6 อย่างเป็นทางการ
● BYD SEALION 7 ที่สุดของประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตรักษ์โลก
BYD SEALION 7 สร้างนิยามใหม่ให้กับรถยนต์กลุ่ม C–SUV ด้วยการผสานดีไซน์สปอร์ตเข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยรูปทรงแบบ Fastback และฐานล้อต่ำให้ภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยว มอบประสบการณ์เหนือชั้นด้วยระบบส่งกำลังอัจฉริยะ 8 in 1 พร้อมเทคโนโลยีการประกอบแบตเตอรี่แบบ Cell–to–Body และระบบห้องโดยสารอัจฉริยะ BYD Intelligent Cockpit
รูปโฉมภายนอกของ BYD SEALION 7 ได้รับแรงบันดาลใจจากความพลิ้วไหวของสายน้ำและมวลอากาศ โดยด้านหน้ารถโดดเด่นด้วยดีไซน์ “Ocean X” กับรูปทรงตัว “X” ที่สะท้อนถึงความล้ำสมัยและทรงพลัง ไฟหน้าดีไซน์ “Double U” อันเป็นเอกลักษณ์ เสา A–pillar ที่ลาดเอียงเชื่อมต่อกับหลังคาแบบ Fastback อย่างไร้รอยต่อ พร้อมสปอยเลอร์หลังที่ผสานเข้ากับตัวรถอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกสปอร์ตแบบรถ SUV Coupe ฝากระโปรงท้ายรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูเสริมความดุดัน ไฟท้ายทรงหยดน้ำแบบไดนามิกวางตัวในแนวนอนช่วยเพิ่มมิติความกว้างให้กับตัวรถ พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม และการตกแต่งด้วยโครเมียม เสริมความหรูหราด้วยรายละเอียดไฟ Dot–Matrix ภายในไฟหน้าและไฟท้ายให้ความสะดุดตาเมื่อส่องสว่างบนท้องถนน
ภายในห้องโดยสารของ BYD SEALION 7 ตกแต่งด้วยวัสดุสัมผัสนุ่มระดับพรีเมียมกว่า 80% ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และแผงประตู เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้ Nappa ระบบกันเสียงรบกวนที่เหนือชั้นด้วยกระจกอะคูสติกสองชั้น พร้อมฟิล์ม PVB Resin ในกระจกบังลมหน้า พรมปูพื้นอะคูสติกแบบไร้รอยต่อ วัสดุฉนวนกันเสียงรอบคัน ซุ้มล้อบุวัสดุกันเสียง และฉนวนกันเสียงรอบมอเตอร์ ทั้งยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมาย อาทิ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางและที่พักขาปรับไฟฟ้า 2 ทิศทาง พร้อมปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง และ Welcome Seat เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบระบายอากาศ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมระบบไล่ฝ้า กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระดับ CN95 พร้อมระบบ IONIZER หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD 3 มิติ ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียขนาด 15.6 นิ้ว ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W–HUD) ระบบเครื่องเสียง DYNAUDIO ลำโพง 12 ตำแหน่ง หลังคา Panoramic Glass Roof ช่วยลดความร้อนและกรองแสง UV กระจกบังลมหน้าและกระจกหน้าต่างด้านหน้าแบบเก็บเสียง กระจกส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ไฟ Ambient Light ภายในห้องโดยสาร 128 สี ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและผ่อนคลายภายในห้องโดยสาร
มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทรงพลัง แต่ยังคงความนุ่มนวล มาพร้อมขุมพลัง Blade Battery ความจุ 82.5 กิโลวัตต์–ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 390 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 690 นิวตัน–เมตร และระยะทางวิ่งสูงสุด 542กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ Double Wishbone และด้านหลังแบบ Multi–link ทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD (Frequency Selective Damping) ที่ปรับระดับความหนืดของโช้คอัพอัตโนมัติตามสภาพถนน
● BYD SHARK 6 รถปิคอัพสมรรถนะสูง พร้อมอวดโฉมแล้ววันนี้
BYD SHARK 6 ยกระดับรถกระบะแบบ Double Cab 5 ที่นั่งให้พร้อมรับมือทุกความท้าทาย ด้วยการผสานความสะดวกสบายเข้ากับความอเนกประสงค์ที่เหนือชั้น ตอบโจทย์ทุกการใช้งานทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การบรรทุกสัมภาระ การลากจูง และการผจญภัยแบบออฟโรด
โครงสร้างตัวถังของ BYD SHARK 6 ผลิตจากเหล็กความแข็งแกร่งสูงมากถึง 78% มอบความแข็งแกร่งและความทนทานที่เหนือกว่า พร้อมลดน้ำหนักตัวรถ ส่งผลให้มีเสถียรภาพการทรงตัวและการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ขนาดยาง 265/65 R18 ระบบช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลังแบบปีกนกคู่ และดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความอากาศ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและมั่นคง
ห้องโดยสารของ BYD SHARK 6 มาพร้อม หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียขนาด 15.6 นิ้ว และระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W–HUD) เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบพนักพิงดันหลัง 4 ทิศทาง กระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบกันเสียงและกระจกส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย จัดเต็มกับระบบเสียง DYNAUDIO ซึ่งเป็นระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม ลำโพง 12 ตำแหน่ง ให้ประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบ
ขุมพลังเหนือชั้น รองรับการใช้งานได้หลากหลายบนแพลตฟอร์ม DM–O ที่ล้ำสมัย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริดอันทรงพลัง เครื่องยนต์ 1.5L ทำงานร่วมกับระบบ EHS และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 in 1 ที่ติดตั้งด้านหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด 321 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 650 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลาเพียง 5.7 วินาที และใช้ BYD Blade Battery ความปลอดภัยสูง ความจุแบตเตอรี 29.58 กิโลวัตต์–ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุด 100 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ พร้อมระบบกระจายแรงบิดแบบเรียลไทม์ มั่นใจได้ถึงการส่งกำลังที่เหมาะสมและการควบคุมที่แม่นยำในทุกสภาพถนน สามารถลากจูงได้สูงสุด 2,500 กิโลกรัม และรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 790 กิโลกรัม ทั้งยังตอบโจทย์สายออฟโรดด้วยศักยภาพการปีนไต่ทางลาดชันได้สูงสุด 60% มุมปะทะ 31 องศา และลุยน้ำได้ลึกสูงสุด 700 มิลลิเมตร
ยลโฉมยนตรกรรมแห่งความหรูหราเหนือระดับที่บูธ “เดนซ่า”
มาพร้อมแนวคิด Luxury Oasis สะท้อนตัวตนของแบรนด์ระดับไฮเอนด์และสุนทรียะแห่งความสง่างาม โดยจัดแสดงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับลักชัวรีที่ถึง 3 รุ่น ได้แก่
รถครอสโอเวอร์ (Crossover) พลังงานไฟฟ้าดีไซน์ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบ Fastback Coupe พัฒนาบน e–Platform 3.0 พร้อมเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ ทั้งระบบแบตเตอรี่แบบ CTB (cell–to–body) และระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ iTAC (Intelligence Torque Adaptation Control System) มาพร้อมดีไซน์หรูหรา กระจังหน้าแบบปิด ไฟหน้าดีไซน์แยกส่วน พร้อมไฟ DRL รูปแบบ Diamond Arrow และเซ็นเซอร์ LiDAR บริเวณกันชนหน้า ด้านข้างโดดเด่นด้วยมือจับประตูแบบซ่อนและเส้นโครเมียมรอบกรอบกระจก ยิ่งไปกว่านั้น N7 ยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบ Dual–gun ที่สามารถชาร์จพร้อมกันสองพอร์ตด้วยเครื่องชาร์จเดียวด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 230 kW เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยแบตเตอรี่มีความจุ 91.392 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางการวิ่งที่ไกลสูงสุดถึง 702 ตามมาตรฐาน CLTC
รถแฮทช์แบ็กทรงสปอร์ตระดับพรีเมียมและเป็นเรือธงรุ่นล่าสุดจากแบรนด์เดนซ่า โดดเด่นด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยว ดุดัน เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ มีให้เลือกทั้งแบบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% บนแพลตฟอร์ม Intelligent e3 platform มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ที่ขับเคลื่อนล้อหลังอิสระซ้ายและขวาที่สามารถปรับทิศทางของล้อหลัง ช่วยให้การบังคับรถได้อิสระมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ พร้อม Blade Battery 800V แบบปลั๊กอินไฮบริดที่ผสานพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ พร้อมระยะทางวิ่งรวมสูงสุด 1,100 กม. ตามมาตรฐาน CLTC เสริมด้วยระบบช่วงล่างแพลตฟอร์ม DiSus–A ช่วงล่างถุงลมไฟฟ้าอัจฉริยระที่สามารถปรับระดับความนุ่มนวลและความสปอร์ตของช่วงล่างได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบความสบายภายในห้องโดยสารและระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะอีกมากมาย อาทิ เช่น ระบบปรับเบาะให้รองรับสรีระเมื่อเข้าโค้ง ระบบตู้เย็นที่สามารถทำความเย็นจนถึง 0 องศา ภายใน 4.5 นาที AR–HUD หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียเฉพาะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ฯลฯ
รถตู้อเนกประสงค์ (MPV) ที่มาพร้อมดีไซน์สะท้อนความโมเดิร์นหรูหรา และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ มอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และความมั่นใจให้กับทุกการเดินทาง กับสมรรถนะอันเป็นเลิศจากมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุดถึง 275 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน–เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจาก BYD Blade Battery ขนาด 103.36 กิโลวัตต์–ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
โดยเรเว่ ออโตโมทีฟ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ได้เปิดตัว DENZA D9 อย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศราคาจำหน่ายแนะนำสำหรับ 2 รุ่นย่อย ได้แก่
DENZA D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท
DENZA D9 Premium ราคา 1,999,900 บาท
ซึ่งเป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น
ชมนวัตกรรมยานยนต์เพื่อการพาณิชย์และร่วมกิจกรรมพิเศษที่บูธ “เรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์”
ครั้งแรกของเรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ที่มาร่วมจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ โดยนำเสนอยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ 4 รุ่น ประกอบด้วย
รถหัวลากพลังงานไฟฟ้า 100% มาพร้อมเทอร์มินอลไฟฟ้าแทรคเตอร์สูงสุด 50,500 กก. GCW MAXให้ระยะทางสูงสุด 200 กม. ต่อหนึ่งรอบการชาร์จ แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร และช่วงล่างกันสะเทือน
รถผสมคอนกรีตไฟฟ้าที่มาพร้อมกับห้องโดยสารซึ่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้าและไฮดรอลิก กระจกไฟฟ้าและเบาะคนขับสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฮดรอลิก โช้คอัพ แผงหลังคาสามารถปรับได้ พวงมาลัยปรับระดับได้ ระบบกันสะเทือนและเหล็กกันโคลง ครบที่สุดสำหรับ BYD eMixer
รถตู้ไฟฟ้าสำหรับงานเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ ตอบโจทย์การขนส่งในเมืองด้วยดีไซน์ที่กะทัดรัด คล่องตัว รองรับน้ำหนักของสินค้าได้กว่า 799 กิโลกรัมบนพื้นที่ความจุ 3,800 ลิตร เสริมด้วยแผ่นรองพื้นอลูมิเนียมอัลลอย ที่มีลักษณะพื้นผิวกันลื่น เพื่อความทนทานและความปลอดภัย ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน–เมตร มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน มาพร้อม Blade Battery ความจุ 44.9 กิโลวัตต์–ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุด 280 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC
รถบัสไฟฟ้า 100% สำหรับการขนส่งสาธารณะ ภายในกว้างขวางรองรับผู้โดยสารได้ถึง 42 คน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน–เมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 80 กม./ชม. และสามารถขึ้นทางลาดชันได้ถึง 25% มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟตขนาด 348 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางมากกว่า 250 กม. ที่ความเร็วคงที่ 40 กม./ชม. และรองรับการชาร์จเร็วแบบ DC 100 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จเพียง 3–3.5 ชั่วโมง
ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธบีวายดีและเดนซ่า (A06) และเรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ (R03) ภายในงาน Motor Expo 2024 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1–3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 เวลา 12.00–22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00–22.00 น. (วันเสาร์–อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของกลุ่มธุรกิจเรเว่ ได้ที่ www.reverautomotive.com หรือติดตามข่าวสารอัปเดตผ่านทาง Facebook: BYD RÊVER Thailand