Apr 14, 2024
โกกรีนอย่างยั่งยืนไปด้วยกันกับ ‘Coral Holding’ ธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่ด้วยโซลูชั่นที่จะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนจากการประหยัดพลังงานได้มากถึง 80%
เรียกได้ว่าทุกวันนี้ ESG มีบทบาทสำคัญกับธุรกิจ เพราะหากอยากจะไปต่อได้ ธุรกิจก็ต้องคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคมมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Coral Holding ก็เป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ จะเรียกว่าเป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่กล้าจะเขย่าอุตสาหกรรมให้ก้าวไปสู่จุดที่สามารถลดต้นทุน และประหยัดพลังงานได้อย่างยั่งยืน
คุณเจมส์ ดูอัน ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท คอรัล โฮลดิ้ง จำกัด หรือชายผู้สร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการชูโมเดลอาคารประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืนแบบครบวงจรเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากถึง 80% ซึ่งกว่าแนวคิดทั้งหมดจะกลายร่างจากนามธรรมสู่รูปธรรม ก็ใช้ระยะเวลาในการศึกษาทดลองอยู่นานพอสมควร ถึงขั้นที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อพูดคุยกับนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับทฤษฎีและความเป็นไปได้ จนค้นพบว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับภูมิศาสตร์ของแต่ละพื้นที่ นั่นจึงเป็นที่มาให้คุณเจมส์เริ่มต้นทำการวิจัยทดลองอย่างจริงจังจนค้นพบกุญแจสำคัญที่ไขธุรกิจให้ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งผลการทดลองทั้งหมดที่ประสบความสำเร็จ ถูกการันตีด้วยใบ Certificate รับรองมาตรฐานจากสถาบัน Passive House ประเทศเยอรมนี ส่งผลให้คุณเจมส์กลายเป็นคนแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผ่านการรับรองนี้
Coral Holding ดำเนินกิจการด้วยหลักปรัชญา ‘ลดพลังงาน’ มากกว่า ‘ใช้พลังงานทดแทน’ ภายใต้ 4 บริษัทในเครือ ได้แก่ Coral Life, Coral Sense, Coral Bright และ Coral Wise ที่ทำงานเอื้อกัน เปรียบเสมือนระบบนิเวศเพื่อความยั่งยืน ให้บริการทั้งในเรื่องของฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ในการประมวลผล ออกแบบ และมอนิเตอร์การทำงานของระบบต่างๆ ภายในอาคาร โดยคุณเจมส์มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยลดการใช้พลังงาน เพื่อไปเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ
จุดเด่นที่ทำให้ Coral Holding มีความแตกต่างคือการตีความหมายพลังงานออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ Supply และ Demand โดยให้ความสำคัญและแก้ไขในส่วนของ Demand ก่อน เพราะเชื่อว่าเมื่อ Demand น้อยลง เปอร์เซ็นต์ที่จะต้องไปพึ่งพา Supply ก็จะน้อยลงตามมาด้วย
ESG อาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับบางคน แต่คุณเจมส์กลับทำให้ทั้งหมดนี้เข้าใจง่ายผ่านอาคารสีเขียว หรือ Green Building ห้องทดลองขนาดใหญ่ ที่เปิดเป็นโชว์รูมให้ผู้ที่สนใจเข้ามาสัมผัส ก่อนติดต่อขอรับคำปรึกษาและใช้บริการจริง ซึ่งห้องทดลองแห่งนี้ถูกสร้างบนพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร พื้นที่ภายในอาคารอยู่ที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร แต่ใช้แอร์เพียงแค่ 500,000 BTU จากปกติกับพื้นที่เท่านี้จะใช้ต้องใช้แอร์มากถึง 3,000,000 BTU เมื่อคำนวณออกมาเป็นเป็นค่าไฟฟ้าตกอยู่ที่เดือนละประมาณกว่า 80,000 บาท ซึ่งประหยัดได้มากถึง 80%
ภายในห้องทดลองแห่งนี้ ถูกแบ่งโซนอำนวยความออกเป็นหลายส่วน อาทิ ฟิตเนส Co-working space บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน ขนาดกว่า 200 ตารางเมตร ที่ใช้แอร์เพียงแค่ 20,000 BTU จากปกติต้องใช้แอร์มากขึ้น 160,000–200,000 BTU โดยประมาณ ซึ่งแน่นอนว่าประหยัดไฟได้มากแน่นอนเลยทีเดียว