เซ็นทรัล รีเทล เสริมแกร่งค้าปลีกยุคดิจิทัลตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
เมื่อความเป็นดิจิทัลเข้ามาดิสรัปพฤติกรรมผู้บริโภคให้เข้าสู่โลกของความเป็นออนไลน์ ก่อเป็นความท้าทายให้กับตลาดค้าปลีกที่ต้องตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากค้าปลีกดั้งเดิมไปสู่อีคอมเมิร์ซ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านราคา ความสะดวกสบาย และความรวดเร็วให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี จนดันมูลค่าตลาดเติบโตแบบก้าวกระโดด อ้างอิงข้อมูลจาก Statista ที่คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกจะพุ่งสูงถึง 8.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2569 สโคปลงมาเป็นวงแคบในตลาดประเทศไทย ได้มีการคาดาการณ์จากคุณกุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (THECA) ว่าภายใน 2 ปี (2568–2569) มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ถึง 6–7 ล้านล้านบาท

สำหรับแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภคก็มีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ อ้างอิงข้อมูลจาก Epsilon พบว่า 80% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่นำเสนอประสบการณ์แบบ Personalized หรือปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะบุคคลมากกว่าแบรนด์ที่ใช้การตลาดแบบหว่านแห สะท้อนชัดถึงความคาดหวังที่สูงขึ้นของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรวดเร็ว (Speed First), ความสะดวกสบายที่ไร้ขีดจำกัด (Effortless Everything), ความต้องการสินค้าใหม่ๆ ที่ไม่ตกเทรนด์ (Constant Newness), ประสบการณ์ที่รู้สึกว่า “สำหรับฉันเท่านั้น!” (Made for Me) และการมองหาความครบครันในที่เดียว (One-Stop Shopper)
จากความคาดหวังที่สูงขึ้น ส่งผลให้ทุกธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อดึงใจลูกค้าและสร้างความแตกต่างท่ามกลางการแข่งขันอันแสนดุเดือด และเซ็นทรัล รีเทล ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีก–ค้าส่งก็มีความพร้อมที่จะปรับตัวให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
คุณปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในยุคที่พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราต้องพร้อมปรับธุรกิจให้ตอบโจทย์ลูกค้า สอดคล้องกับกลยุทธ์ New Heights, Next Growth ภายใต้การมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า โดยใช้จุดแข็งของ Ecosystem ที่เป็นค้าปลีก–ค้าส่งแบบ Multi-Category, Muti-Format และมี Portfolio ที่ครอบคลุมที่สุด รวมถึงการมี Loyalty Platform ที่แข็งแกร่งอย่าง The 1 ที่มีสมาชิกมากกว่า 22 ล้านคนในไทย ทำให้เราสามารถเข้าถึงอินไซต์เชิงลึกของลูกค้ายุคใหม่ และพัฒนาสินค้า–บริการให้ตอบโจทย์ทุก Life Stage และ Lifestyle ได้อย่างแม่นยำ ตาม 5 อินไซต์สำคัญ ดังนี้
1. Speed First ใจร้อน เร็วไว้ก่อน ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว เพราะชีวิตเต็มไปด้วยกิจกรรมที่เร่งรีบ ทุกอย่างจึงต้องง่ายและทันใจ เช่น อาหารที่ต้องสดใหม่และพร้อมเสิร์ฟทันที เซ็นทรัล รีเทล จึงได้พัฒนานวัตกรรมให้ชอปปิงสะดวกยิ่งขึ้น เช่น ใช้ระบบติดตามออร์เดอร์อย่างแม่นยำด้วย AI, การใช้ระบบจัดการสต็อกแบบเรียลไทม์ ในส่วนของ ‘ท็อปส์’ ที่ได้ยกระดับกลุ่มอาหารพร้อมปรุง–อาหารพร้อมทานให้หลากหลายและทันสมัยมากขึ้น รวมถึงพัฒนา AI ChefBot แชทบอทอัจฉริยะที่สามารถแนะนำสูตรอาหาร ตรวจสอบสินค้า และแจ้งโปรโมชันได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

2. Effortless Everything ง่าย สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา ลูกค้าเน้นความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะชอปที่หน้าร้านหรือออนไลน์ ต้องเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างง่ายดาย
ในส่วนของออฟไลน์ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ เดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมในทุกจังหวัด ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจในเครือกระจายไปตามเมืองหลักทั่วประเทศ เช่น ท็อปส์, โก โฮลเซลล์, ไทวัสดุ เป็นต้น รวมถึงเร่งขยาย ‘ออโต้วัน’ ศูนย์บริการและจำหน่ายอุปกรณ์รถยนต์ครบวงจร ให้ครอบคลุม
สำหรับออนไลน์ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม Omnichannel ทั้ง Central App รวมถึงช่องทางการขายที่หลากหลาย เช่น Chat & Shop, Personal Shopper และ Click & Collect
3. Constant Newness ขี้เบื่อ เปลี่ยนบ่อย ไม่ยอมตกเทรนด์ ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะมองหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นเซ็นทรัล รีเทลจึงคัดสรรสินค้าชั้นนำ เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดทุกเทรนด์ฮิต ยกตัวอย่างเช่น เซ็นทรัล ชิดลม และ เซ็นทรัล เอมบาสซี่ ได้มีการจัดแคมเปญและอีเวนต์ลักชัวรีตลอดทั้งปี เช่นเดียวกับเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) ที่เดินหน้าสรรหาแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อเอาใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ในส่วนของ ‘ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์’ ที่เดินหน้าภายใต้แนวคิด Localisation First มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่ พร้อมปรับโฉมใหม่ และขยายโมเดลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
4. Made for Me ต้องสำหรับฉันเท่านั้น! ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความเฉพาะตัว จึงได้นำ Big Data มาสร้างประสบการณ์ที่ใช่ที่สุด โดยใช้ข้อมูลอินไซต์เชิงลึกจาก The 1 ในการคัดสรรสินค้าให้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ภายใต้การดูแลความปลอดภัยของข้อมูลตามมาตรฐาน PDPA รวมถึงยังนำระบบ AI Marketing Personalisation มาใช้ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และท็อปส์ ซึ่งสามารถแนะนำสินค้าให้เหมาะสมกับลูกค้าเฉพาะบุคคลแบบเรียลไทม์
5. One-Stop Shopper ครบจบในที่เดียว ลูกค้ายุคนี้ล้วนมองหาความสะดวกสบายแบบไปที่เดียวได้ครบจบทุกอย่าง จึงจัดเต็มทุกกลุ่มสินค้าให้เลือกช้อปครบจบในที่เดียวอย่าง ท็อปส์ เดลี่ ที่ได้เดินหน้าพัฒนา Hybrid Format ด้วยการเสริมโซน พรีเมียมอย่างเบเกอรี่คุณภาพ ‘The Baker’ ในทำเลท่องเที่ยวสำคัญ พร้อมเปิดตัว ‘TOPS DAILY x LOOKS’ เจาะกลุ่มลูกค้า Young & Mainstream ที่หลงใหลในด้านบิวตี้ เพื่อมอบประสบการณ์ชอปปิงแบบ One-stop

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังมุ่งขยายธุรกิจฟู้ดสู่ตลาดค้าส่ง (B2B) ผ่านแบรนด์ ‘โก โฮลเซลล์’ พร้อมทั้งขยาย Private Labels อาทิ A Choice, Supersave, Prosave, Yim ซึ่งสร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของ ‘ไทวัสดุ’ และ ‘บีเอ็นบี โฮม’ ที่เน้นเดินหน้ายกระดับสู่ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านแบบครบวงจร ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้เช่าอาศัย
สิ่งที่ Central Retail พยายามทำสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่ไม่ได้มาจากแค่การขาย แต่มาจากการเข้าใจและใส่ใจลูกค้าอย่างแท้จริงในทุกมิติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อสร้างความสำเร็จของตัวเองได้เช่นเดียวกัน