ถอดบทเรียนอีคอมเมิร์ซไทย สู่ทางรอดเอื้อธุรกิจค้าขายของคนยุคดิจิทัล

สถานการณ์ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย ณ ปัจจุบันเรียกได้ว่าดุเดือดเข้าขั้นเรดโอเชียน เจ้าของแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลสต่างงัดกลยุทธ์เรียกแขก ชูส่วนลดมากมายเพื่อจูงใจให้คนหันใช้บริการ อ้างอิงข้อมูลจากคุณมิ้นท์ – กุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (THECA) พบว่าช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด–19 ถือเป็นตัวตัวเร่งสำคัญที่ส่งให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 20 เท่า สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ระบุว่ามูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซในไทยปี 2566 พุ่งไปแตะที่ 5.96 ล้านล้านบาท โดยคุณมิ้นท์ได้คาดการณ์ต่อว่าภายใน 2 ปี (2568–2569) มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ถึง 6–7 ล้านล้านบาท
สิ่งที่น่าสนใจถัดมา คือแนวโน้มของการเข้าถึงตลาดอีคอมเมิร์ซไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่เจนเนอเรชั่นเดียว กลับกันเบบี้บูมเมอร์ หรือกลุ่มผู้สูงวัยได้เข้ามามีบทบาทสำคัญผลักดันให้ตลาดเติบโตร่วมด้วย

‘Multi-Channel Selling’ หรือการขายในหลายๆ แพลตฟอร์มคือคีย์สำคัญที่ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือทางรอดสำหรับพ่อค้าแม่ขายในยุคดิจิทัล ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เช่น ในประเทศจีน 1 ร้านค้า จะมีช่องทางการขายต่ำๆ อยู่ที่ 6 แพลตฟอร์ม อาทิ XiaoHongShu, โต่วอิน หรือ TikTok China, Weibo ฯลฯ ซึ่งข้อดีของการกระจายตัวเข้าไปอยู่ในหลายๆ แพลตฟอร์มจะทำให้ผู้ประกอบการเห็นแนวทางในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายหลักได้ชัดเจนมากขึ้น ตลอดจนสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และออกแบบกลยุทธ์ในการกระตุ้นยอดขายได้อีกด้วย

นอกจากจะมีช่องทางการขายที่หลากหลายแล้ว การทำ Personal Branding ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะส่งเสริมให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งหลายๆ แบรนด์เลือกที่จะปั้นผู้บริหารขึ้นมาเป็นคีย์สปีคเกอร์หลักร่วมกับ KOL หรืออินฟลูเอนเซอร์ อ้างอิงข้อมูลจาก Thailand Influencer Awards by Tellscore ระบุว่าปัจจุบันประเทศไทยมี KOL ที่อยู่ในระดับ Top Tier ประมาณ 100,000 คน ส่วนฟูลไทม์ KOL จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2 ล้านคน ส่วน KOL ที่เป็นทั้งฟูลไทม์และพาร์ทไทม์รวมกันจะอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านคน
คุณมิ้นท์เล่าเพิ่มเติมว่าในประเทศจีน มีฟูลไทม์ KOL อยู่ที่ประมาณกว่า 200 ล้านราย โดย KOL ที่อยู่ใน Top Tier เช่นคุณหลี่ เจียฉี (Li Jiaqi) หรือออสติน สามารถสร้างยอดขายต่อการไลฟ์ 1 ครั้งเพียงแค่ในเถาเป่าแพลตฟอร์มเดียว อยู่ที่ประมาณ 57–150 ล้านบาท แต่ในประเทศจีนจะมีการตรวจสอบบุคคลที่จะมาเป็น KOL อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง

ทั้งนี้ หากใครที่สนใจอยากกระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซ ทางสมาคมฯ ก็พร้อมให้การสนับสนุน รวมถึงภาครัฐเองก็มีฟรีเทรนนิ่งมากมาย ขอเพียงแค่เปิดใจยอมรับและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ โดยคุณมิ้นท์ได้ฝากหลักการง่ายๆ ที่เรียกว่า NOW ไว้ให้กับทุกคน ได้แก่
1. N – ปรับมุมมองจาก Negativity ให้เป็น Positivity เริ่มจากการมองหาโอกาสแล้วลองลงมือ โดยปราศจากความกังวลว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร
2. O – Offline to Online เลือกขายสินค้าและบริการในหลายๆ ช่องทาง แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางและกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดต่อไป
3. W – Workforce อย่างเก่งแค่ด้านเดียว แต่ต้องเปิดใจศึกษาความรู้รอบด้านเพื่อรองรับการทำงานที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต