‘iTAX’ แอปพลิเคชันจัดการภาษีขวัญใจมนุษย์(มี)เงินเดือน ที่จะเปลี่ยนมุมมองภาษีว่าไม่ใช่ยาขมอีกต่อไป
ภาษีเป็นเรื่องใกล้ตัวที่บางคนเลือกจะมองข้าม ด้วยสาเหตุหลักๆ อย่างความยุ่งยากและการมีความรู้ไม่มากเท่าที่ควร เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นปีที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนยันมนุษย์ฟรีแลนซ์ต้องมานั่งจับเจ่าหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อกรอกข้อมูลรายได้และการหักลดหย่อยต่างๆ ให้กับกรมสรรพากรอย่างครบถ้วน แถมเมื่อกรอกแล้วยังต้องระแวงอีกว่าข้อมูลเหล่านั้นจะถูกต้องไหม หรือเงินที่ได้คืนนั้นจะครบถ้วนหรือเปล่า เพราะหากกรอกผิดหรือตกหล่นไป รับรองว่าต้องกลับไปต่อแถวใหม่หรือติดอยู่ในคิวตรวจสอบยาวแน่นอน ซึ่งทั้งหมดที่อารัมภบทไป เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักกฎหมายไทยท่านนึง เกิดความคิดว่า ‘เราต้องทำอะไรสักอย่างขึ้นแล้ว’

“ผมเชื่อว่าผู้เสียภาษีทุกคน คือฮีโร่ตัวจริงของประเทศ”
ย้อนกลับไปประมาณ 10 กว่าปีก่อน สมัยที่อาจารย์มิก ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ กำลังมุ่งมั่นทำวิทยานิพนธ์ในชั้นปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่สหรัฐอเมริกา หัวข้อ ‘แนวทางการป้องกันการเลี่ยงภาษี’ จนจำแนกบุคคลที่อยู่ในข่ายของการเสียภาษีออกได้เป็น 2 กลุ่มกว้างๆ ได้แก่ คนที่มีความรู้ความเข้าใจ แต่พร้อม/ไม่พร้อมที่จะเสียภาษี กับคนที่อยากเสียภาษี แต่กลับท้อเพราะความยากในการกรอกข้อมูล และการมีความรู้ความเข้าใจที่ไม่เพียงพอ ทำให้อาจารย์ฉุกคิดว่าควรจะต้องมีตัวช่วยบางอย่าง เพื่อทำให้ทุกคนสามารถจัดการภาษีได้อย่างถูกต้องแบบ 100% โดยระบบดังกล่าวต้องเฟรนลี่กับคนใช้งาน พร้อมช่วยประหยัดเวลาและรักษาผลประโยชน์ให้ผู้เสียภาษีได้มากที่สุด

(ขอบคุณรูปจาก iTAX)
‘iTAX’ ในปัจจุบันมีการทำงานร่วมกับกรมสรรพากรในการเชื่อมต่อข้อมูลทางภาษี เพื่อรองรับผู้ใช้งานทั้งประเภทบุคคลธรรมและนิติบุคคล บริษัท ห้าง/หุ้นส่วน ผ่านโปรแกรมการคำนวณภาษี ไปจนถึงการเป็นเพื่อนรักของ HR หรือฝ่ายบุคคล ผ่านโปรแกรมเงินเดือน ที่จะช่วยให้ฝ่ายบุคคลสามารถคำนวณค่าการหักต่างๆ ของพนักงานได้แบบเรียลไทม์ เสริมประสิทธิภาพให้การทำงานกับคนหลายร้อยหลายพันชีวิตเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เมื่อพบจุดที่ผิดปกติก็จะมีตัวแดงแจ้งกลับไป เพื่อให้ผู้ที่ดูแลสามารถตรวจสอบและแก้ไขความถูกต้องอีกครั้ง
ความพิเศษไม่ได้มีแค่นั้น เพราะ ‘iTAX’ ยังถูกเสริมศักยภาพแบบเต็มสตรีมผ่านโปรแกรมวางแผนภาษี ช่วยให้ผู้เสียภาษีทุกคนสามารถเลือกซื้อกองทุน ประกัน ที่จะกลับมาเป็นตัวลดหย่อนภาษีให้กับตนเองได้ เรียกได้ว่าครบเครื่องจนสามารถกวาดยอดการใช้งานได้มากถึง 1.3 ล้านคน

‘การเอาภาษีออกจากชีวิตของทุกคน’ ถือเป็นหมุดหมายต่อไปในอนาคตที่อาจารย์มิกวางไว้ผ่านการขยายสเกลธุรกิจและพัฒนาระบบหลังบ้านให้สามารถจัดการภาษีให้กับทุกคนได้แบบ 100% อย่างปลอดภัยภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายเทคโนโลยี พร้อมทั้งวางเป้าที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ที่จะทำให้เสียงของผู้เสียภาษีมีความหมายมากขึ้น ผ่านการรวบรวมเสียงของประชาชนผู้เสียภาษีเอาไว้ เพื่อส่งต่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านั้น