Apr 11, 2024
‘Moshi Moshi’ พลิกโฉมแบรนด์ค้าปลีกย่านสำเพ็ง สู่เชนสโตร์กว่าร้อยสาขาที่เตรียมสยายปีกโตต่อในระดับโกลบอล
หากใครเคยไปเดินตลาดสำเพ็งเมื่อหลายปีก่อน เชื่อว่าเกินครึ่งต้องได้แวะเข้าร้านกิ๊ฟช็อปชื่อดังหลายชั้นที่จำหน่ายสินค้าทั้งในรูปแบบปลีกและส่ง จนวันนี้ร้านค้าเล็กๆ แห่งนั้นได้เติบโตเป็นเชนสโตร์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยภายใต้ชื่อ ‘Moshi Moshi’
คุณสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทายาทร้านกิ๊ฟช็อปที่มองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดที่กำลังจะถูกเชนสโตร์จากเมืองนอกเข้ามาดิสรัป จุดประกายให้เริ่มคิดหาทางปรับตัว เปลี่ยนจากที่เคยขายในลักษณะ B2B มาเป็น B2C พร้อมตั้งคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนคือต้องเป็นสินค้าที่สวย ถูก ดี และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า เมื่อแนวคิดลงตัว สเต็ปต่อไปก็ถึงคิวที่คุณสง่าและทีมได้ใช้เวลาร่วม 2 ปี ในการลงมือศึกษาภาพรวมและทำวิจัยตลาดทั้งในและต่างประเทศ จากนั้นก็เริ่มออกแบบสินค้า คู่ไปกับการดีลซัพพลายเออร์ผลิต ลามถึงส่วนของการเตรียมพื้นที่ร้าน จนคลอด ‘Moshi Moshi’ สาขาแรกที่ตลาดสำเพ็งในปี 2559
“ยากครับ ไม่ได้ง่ายเลยครับ เนื่องจากว่าพอเราเป็นแบรนด์ใหม่ในตลาด เวลาเราเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ซึ่งผมเข้าใจนะครับห้างสรรพสินค้าเวลาเขาจะคัดเลือกแบรนด์นึงเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเนี่ยเขาคัดแล้วคัดอีก เพื่อให้ศูนย์การค้าของเขาเป็นศูนย์การค้าที่ดีที่สุดนะครับ ตอนนั้นแบรนด์เราเป็นแบรนด์ที่พอมอง Moshi อะไรก็ไม่รู้ คนก็อาจจะไม่รู้จักนะครับ แน่นอนการที่เราเข้าไปไม่ได้ง่ายเลยครับ หรือว่ามีโอกาสได้ไปก็อาจจะอยู่ในทำเลที่หลบๆ อาจจะไม่ได้แบบทำเลที่ดีมาก แต่ตอนนั้นเราเองก็มั่นใจในคอนเซ็ปต์ที่เราวางนะครับ และเราเองก็ต้องการพิสูจน์ตัวเราเอง แต่เราเองก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสเข้าไปในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในช่วงแรกๆ เราเองก็ต้องไปเปิดต่างจังหวัดนะครับ”
ต่อมาเมื่อสาขาแรกไปได้สวย คุณสง่าก็เริ่มลุยเปิดสาขาต่อไปผ่านกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง ให้เวลาพา ‘Moshi Moshi’ พิสูจน์ตัวเองด้วยการตั้งสาขาอยู่ตามคอมมูนิตี้มอลล์ หรือห้างสรรพสินค้าในต่างจังหวัด จนกลายเป็นร้านกิ๊ฟช็อปขวัญใจมหาชนการันตีด้วยยอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดด จนสามารถได้พื้นที่เฉิดฉายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพมหานคร
แต่เมื่อความปังบังเกิด อุปสรรคก็วิ่งตามมาติดๆ เพราะโรคระบาดโควิด–19 เลือกที่จะตีตั๋วบินเข้าประเทศไทย ช่วงนั้นคุณสง่าถึงกับต้องยอมโล๊ะสินค้าที่กำลังจะวางจำหน่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทิ้งทั้งหมด ใส่เกียร์ปรับตัวครั้งใหญ่ จับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคโรคระบาดมาวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงตามโจทย์ของการใช้ชีวิตในช่วงนั้น ขนานไปกับการจับเข่าเจรจากับซัพพลายเออร์ และห้างสรรพสินค้า เพื่อหาแนวทางเอาตัวรอดร่วมกัน สุดท้ายก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี วัดจากยอดขายที่เห็นแล้วต้องยิ้ม เพราะไม่ติดลบ แถมยังบวกจนกลับมามีกำลังใจลุยต่อ
แม้ว่าปัจจุบัน Moshi Moshi จะมีสาขาครอบคลุมกว่า 50 จังหวัด 130 สาขา แต่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ยังไม่จบ เพราะคุณสง่าตั้งใจที่จะพา Moshi Moshi เติบโตไปเป็นเชนสโตร์ในรูปแบบโกลบอล นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจพา Moshi Moshi กระโจนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขยายโมเดลธุรกิจให้พร้อมเข้าสู่การแข่งขันในสนามที่ใหญ่ยิ่งขึ้น
หัวใจหลักที่ดันให้ Moshi Moshi ก้าวสู่ความสำเร็จ มาจากการที่ผู้นำและทีมงานกล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ และไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนารอบด้าน เพื่อให้ธุรกิจก้าวตามความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวของโลก ไม่เว้นแม้แต่การดึงโมเดล ESG เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทั้งเพื่อลดต้นทุน และพัฒนาสินค้าให้เป็นมิตรกับสังคมและโลกร่วมด้วย