เปิดประสบการณ์ธุรกิจกว่า 4 ทศวรรษ พร้อมผ่าทางตันธุรกิจบนสารพัดปัจจัยลบทางเศรษฐกิจไปกับ ‘ตัน ภาสกรนที’
หลังจากที่ BTimes พาไปคุยไปเฟ้นหาโอกาสจากนักธุรกิจ ผู้บริหาร หรือแม้แต่ผู้ประกอบการเก่งๆ มาก็เยอะ วันนี้ถึงคิวหนุ่มใหญ่ใจดีที่มาพร้อมหมวกกัปตันลายปักสมอเรือ เจ้าของแบรนด์ชาเขียวสุดโด่งดังอย่าง ‘อิชิตัน’ ที่ฝ่าสมรภูมิธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 4 ทศวรรษ จนถึงวันที่ประสบความสำเร็จด้วยแนวคิดสุดโต่งที่ว่า ‘ขายไส้กรอก แต่ไม่เลี้ยงหมู’
ภาพจำของคุณตัน ภาสกรนที คือชายหนุ่มอารมณ์ดีเจ้าของแบรนด์ชาเขียวสุดโด่งดังที่พกความกล้ามาเต็มกระเป๋า แต่หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 45 ปีก่อน คุณตันเลือกที่จะเริ่มต้นธุรกิจในแถบชลบุรีด้วยการเปิดร้านกาแฟชื่อว่า ‘เอสเปรสโซ่’ ก่อนจะขยับขยายไปเปิด ‘ออดี้ เบเกอรี’ ที่ขายทั้งขนมเค้ก ขนมปัง และอาหาร ต่อด้วยร้านอาหารไทยตำรับชาววังกับเมนูแสนอร่อยที่หาทานยากอย่าง ‘ร้านอาหารเทียบทอง’ ก่อนจะแตกไลน์มาเป็นสุกี้แมนดาริน และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เรียกได้ว่าสร้างไวรัลปังๆ จนคนในและนอกพื้นที่ต่างตบเท้าเข้าไปชิมความอร่อยกันอย่างล้มหลาม แต่พอนานวันไปบางธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองจำต้องล้มหาย คุณตันเก็บเกี่ยวบทเรียนทั้งหมดกลับมาตั้งต้นธุรกิจระยะที่ 2 ที่กรุงเทพมหานคร ด้วยการเปิดเวดดิ้งสตูดิโอในย่านทองหล่อ ภายใต้ชื่อ ‘แมริเอจ สตูดิโอ’ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้คุณตันใช้วิธีการบริหารแบบแฟรนไชส์ 20 สาขา โดยคุณตันจะถอยมาอยู่เบื้องหลังในฐานะเจ้าของแบรนด์ พร้อมถือหุ้นทุกสาขาอยู่ที่ 50%
แต่แล้วจุดพลิกผันที่สร้างชื่อเสียงจนทำให้คุณตันกลายเป็นที่รู้จักก็เริ่มต้นขึ้นกับการเปิด ‘โออิชิ ราเมน’ ร้านอาหารญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นของธุรกิจในเครือโออิชิ ก่อนจะจับคอนเซ็ปต์ของร้านสุกี้แมนดารินมาพัฒนาต่อยอดให้มีความทันสมัยเอาใจวัยรุ่น กระทั่งเกิดร้าน ‘ชาบูชิ’ ตามมา และแล้วความช่างสังเกตและประสบการณ์ก็หล่อหลอมให้คุณตันมองเห็นโอกาสเล็กๆ จากออร์เดอร์ของลูกค้า สู่การกระโจนเข้าสู่อุตสาหกรรม เปิด ‘อิชิตัน กรีน แฟคทอรี’ โรงงานผลิตชาเขียวที่นำเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ามาใช้ในการผลิตแบบไร้คน ยกเว้นขั้นตอนการเทใบชา
(ขอบคุณรูปภาพจากเฟซบุ๊กคุณตัน ภาสกรนที)
“ขายไส้กรอก ไม่เลี้ยงหมู” คือหลักการสร้างธุรกิจแบบปราศจากภาระ หรือการเน้นใช้เงินสดแทนการกู้หนี้ คุณตันยึดหลักการนี้มาเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจจนฝ่าฟันทุกวิกฤตและก้าวสู่ความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เฉพาะอย่างยิ่งกับในยุคที่เศรษฐกิจเปราะบาง ซ้ำยังมาเจอกับสงครามภาษีทรัมป์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการค้าทั่วโลก อีกทั้งใน 3–4 ปี ทั่วโลกอาจต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจที่จะตกต่ำลงไปอีกหลายเลเวล ยิ่งตอกย้ำให้ภาพการทำธุรกิจแบบไม่มีหนี้ของคุณตันนั้นเรียกได้ว่ามาถูกทาง เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างเครดิตชั้นดี การไม่มีหนี้ยังเปรียบเสมือนใบเบิกทางชั้นเลิศสำหรับการกู้ยืมกับธนาคารในอนาคตเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์จวนตัวที่จำเป็นต้องใช้ทุนมหาศาลจริงๆ
นอกจากนี้คุณตันยังเปิดมุมมองในเรื่องของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดแรงงานว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ การเรียนรู้ทักษะเอไอ หรือแม้แต่การมีทักษะความชำนาญที่หลากหลาย ก็ถือเป็นไม้ตายที่ทำให้เกิดการได้เปรียบและทำให้สามารถยืนอยู่ได้แม้ต้องเจอสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง แต่ทั้งนี้เอไอก็เหมือนกับเหรียญที่มี 2 ด้าน หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องก็ย่อมส่งผลเสียตามมาเช่นกัน
