ฮอนด้าพาสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงกับศูนย์ “The M.O.V.E. by Honda” Immersive Experience Center แห่งแรกในประเทศไทยใจกลางกรุงเทพฯ
บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว “The M.O.V.E. by Honda” ศูนย์สร้างประสบการณ์เสมือนจริงแห่งแรกของแบรนด์ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2569 ณ EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้า EMSPHERE

เริ่มต้นที่โซนทางเข้าด้วยการเช็กอินแบบอินเทอร์แอคทีฟ ที่จะพาทุกท่านสัมผัสปรัชญาของฮอนด้าที่ยึด “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” โดยให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ควบคู่กับการใส่ใจในสมรรถนะพื้นฐานอย่างรอบด้าน ทั้งด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
ขยับต่อเนื่องมายังโซนที่ผู้เข้าชมจะได้ก้าวเข้าสู่ Dream Sphere ห้องจำลองเสมือนจริงที่จัดแสดงภาพเคลื่อนไหวแบบ 360 องศา ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ฮอนด้าตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันและอนาคต พร้อมสัมผัสเส้นทางแห่งความฝันและความท้าทายตั้งแต่วันก่อตั้งไปจนถึงทศวรรษข้างหน้า เชื่อมโยงถึงจิตวิญญาณแห่งความท้าทาย และเหตุการณ์สำคัญที่ได้หล่อหลอมเส้นทางของบริษัทมาจนถึงปัจจุบัน

ต่อเนื่องกับโซน Future Ride ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทางการพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้า คู่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์แห่งอนาคตของโลกรถจักรยานยนต์ พร้อมสนุกไปกับการขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้าผ่านเกมจำลองการขับขี่แบบ Virtual Reality (VR) กับรถต้นแบบ EV Fun Concept รถสปอร์ตไฟฟ้าที่ให้ความรู้สึกถึงการขับขี่อันทรงพลังแบบรถ ICE ขนาดกลางที่เงียบไร้เสียงเครื่องยนต์ พร้อมทะยานสู่กรุงเทพมหานครแห่งโลกอนาคตปี 2050 ที่ฮอนด้าบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างสมบูรณ์แล้ว

ถัดมากับโซน Future Mobility ที่ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของฮอนด้าสู่ “New Mobility Ecosystem” หรือระบบนิเวศการเดินทางยุคใหม่ ผสานยานยนต์อนาคตให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างไร้รอยต่อ เปิดโอกาสให้ผู้คนเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและเพิ่มความหลากหลายในการเดินทางให้มากยิ่งขึ้น โดยภายในโซน ผู้เข้าชมทุกท่านจะได้สัมผัสเครื่องจำลองเสมือนจริงแบบ 360 องศา พาเหินฟ้าจากกรุงเทพฯ สู่พัทยาเสมือนกำลังเดินทางจริง พร้อมเปิดมุมมองใหม่ว่าการเดินทางแห่งอนาคตอาจใกล้ตัวกว่าที่คิด
ความเป็นอิสระในการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้สะท้อนถึงพันธกิจของฮอนด้าในการสร้างการเดินทางที่ชาญฉลาด ยั่งยืน และสนุกยิ่งขึ้น พร้อมขยับความฝันด้านการเคลื่อนไหวของฮอนด้า ให้เข้าใกล้ความจริงด้วยการผสมผสานความสะดวกสบายเข้ากับความเพลิดเพลินได้อย่างลงตัว

ต่อเนื่องกับโซนจัดแสดงยานยนต์ Future Drive ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของฮอนด้าในการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับโลกแห่งการเดินทางจากความฝันในการ “รังสรรค์นิยามใหม่แห่งการขับเคลื่อน” มาสู่ความจริง เปลี่ยนภาพจำของรถยนต์ไฟฟ้าจาก “Thick and Heavy” เป็น “Thin, Light and Wise” ที่ไม่ใช่เพียงแค่ยานยนต์ไฟฟ้า แต่รวมถึงนวัตกรรมที่มอบประสบการณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ความยั่งยืน และการใส่ใจผู้ใช้งานเป็นหัวใจสำคัญ โดยแนวคิดนี้สะท้อนความเชื่อของฮอนด้าว่าอนาคตแห่งการขับเคลื่อนต้องก้าวข้ามขอบเขตของเทคโนโลยี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ มอบความปลอดภัย ส่งมอบอิสระให้กับผู้คนและสังคม สำหรับโซนนี้ ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับยานยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้าที่หลอมรวมแนวคิดเหล่านี้ไว้ และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสู่อนาคตของการเดินทางที่ชาญฉลาดที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย และสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดไปด้วยกัน

ครั้งแรกในไทยที่ผู้เข้าชมงานจะได้ยลโฉมคันจริงของโมเดลสุดล้ำ “Honda Prelude” สปอร์ตคูเป้ 2 ประตูในตำนานที่เคยสร้างชื่อจากดีไซน์ล้ำยุคและเทคโนโลยีล้ำสมัย กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชันที่ 6 พร้อมบทบาทใหม่ในฐานะ “สัญลักษณ์แห่งอนาคต” ที่หลอมรวมกลิ่นอายแห่งความทรงจำทางอารมณ์เข้ากับวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว

“Honda Prelude” ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV โดดเด่นด้วยดีไซน์จมูกหน้าใหม่ที่ต่ำและคมชัด เส้นสายเรียบเนียนแต่แฝงความโดดเด่น มาพร้อมมือจับประตูแบบฝังเรียบ หลังคาที่ดูคลีน ลดรอยต่อระหว่างหลังคและตัวถังด้วยเทคโนโลยี Laser Blazing กระจังหน้ามินิมอลด้วยเส้นสายแนวนอน เสริมด้วยเส้นสายด้านข้างที่ให้ภาพลักษณ์เฉียบคม ต่อเนื่องกับไฮไลต์เด็ดกับเทคโนโลยี S+ Shift ในระบบ e:HEV ที่จำลองการเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 8 สปีด ผ่านแป้นแพดเดิลหลังพวงมาลัย มอบการตอบสนองที่ฉับไวและการขับขี่แบบสปอร์ตด้วยระบบ Active Sound Control ที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ความเร้าใจในการขับขี่ สะท้อนถึงความตั้งใจของฮอนด้าในการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานให้กับผู้หลงใหลในรถสปอร์ต
โดยก่อนหน้านี้ Prelude (Prototype) ได้เผยโฉมในอีเวนต์ทั่วโลกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงาน Goodwood Festival of Speed 2025 ที่อังกฤษ และงาน GIIAS 2025 (Gaikindo Indonesia Auto Show) ที่อินโดนีเซีย ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อต้นเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา

ก้าวสู่บทสรุปของการเดินทางใน The M.O.V.E by Honda ไปกับโซน The M.O.V.E. Cafe พื้นที่สุดท้ายที่ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสวิสัยทัศน์การเดินทางแห่งอนาคตของฮอนด้าผ่าน “รสชาติ” ปิดท้ายประสบ การณ์ครบทั้ง 5 ประสาทสัมผัสที่เป็นหัวใจของศูนย์สร้างประสบการณ์เสมือนจริงแห่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับคาเฟ่แห่งนี้ได้นำเสนอประสบการณ์การลิ้มรสที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน ภายใต้แนวคิด “Sense the Synergy” โดยเชฟเดช คิ้วคชา ผสานทุกประสาทสัมผัส ทั้งการมองเห็น การได้ยิน กลิ่น การสัมผัส และรสชาติไว้ในหนึ่งเดียว ดังนั้นที่นี่จึงไม่ใช่แค่คาเฟ่ทั่วไป แต่เป็นจุดหมายที่รวมความคิดสร้างสรรค์ด้านอาหารเข้าไว้กับแรงบันดาลใจจากอนาคตแห่งการขับเคลื่อน ที่พร้อมถ่ายทอดความประทับใจและคุณค่าทางอารมณ์ในแบบเฉพาะของฮอนด้า

ทั้งนี้ The M.O.V.E. by Honda คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญบนเส้นทางของฮอนด้าสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและความยั่งยืน โดยศูนย์สร้างประสบการณ์เสมือนจริงแห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่จัดแสดงเทคโนโลยีทั้งหมดของฮอนด้า แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการถ่ายทอดจิตวิญญาณของโกลบอลแบรนด์ภายใต้สโลแกน “The Power of Dreams – How we move you.” ที่สะท้อนเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการยึดมั่นว่าการเดินทางไม่ใช่แค่การเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่คือการสร้างความผูกพันที่มีคุณค่า ก้าวสู่ความยั่งยืน และมอบประสบการณ์ที่เติมเต็มความหมายให้กับชีวิต
ฮอนด้าพร้อมต้อนรับลูกค้าสู่มิติของการขับเคลื่อนความรู้สึกและสังคมไปด้วยกัน ผ่าน The M.O.V.E. by Honda ศูนย์สร้างประสบการณ์เสมือนจริงแห่งแรกของแบรนด์ โดยเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2569 เวลา 10:00 – 22:00 น. ณ EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้า EMSPHERE