เจาะเบื้องหลังหญิงแกร่งผู้เสิร์ฟร้านอาหารควบเบเกอรี่ ‘White Story’ กระจายความอร่อยอย่างไวรัลกว่า 80 สาขาทั่วกรุงเทพฯ – ปริมณฑล
แม้ฉากหน้ายิ้มรับความสำเร็จ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังกว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายธุรกิจต้องกัดฟันสู้ทุกอุปสรรคที่วิ่งเข้ามาภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด

ย้อนกลับไปประมาณปี 2550 หลังจากที่คุณแวว – วาศิณี สุรชาติชัยฤทธิ์ ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มุ่งหน้าสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจเต็มตัว เธอหอบเงินลงทุนก้อนเล็กมุ่งหน้าหาสถานที่ตั้งที่เหมาะสมกับการเปิดร้านอาหารหรือคาเฟ่ จนไปเจอกับบ้านไม้หลังหนึ่งแถวย่านราชพฤกษ์ จึงทำการติดต่อขอเช่า หลังจากที่ทุกอย่างไฟเขียว เธอก็พร้อมเนรมิตโทนของร้านให้เป็นสีขาวดูสะอาดตา เปิดเป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ เสิร์ฟเมนูอาหารจานเดียว ทานง่ายและตรงใจผู้บริโภคในละแวกนั้น ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา อยู่มาวันหนึ่งคุณแววได้เห็นประกาศว่าจะมีคอมมูนิตี้มอลล์เปิดใหม่ จึงเกิดความสนใจและทำการติดต่อเช่าพื้นที่ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามรสุมลูกใหญ่กำลังจะมาเยือน
หากยังจำกันได้ ในปี 2554 กรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดต้องเผชิญวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ร้าน ‘White Story’ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก น้ำพัดทุกอย่างจมหาย แต่เหมือนโชคจะยังเข้าข้าง เพราะหลังจากที่น้ำลด คอมมูนิตี้มอลล์ที่เคยไปดูนั้นสร้างเสร็จและติดต่อกลับมาเสนอพื้นที่ไข่แดงขนาด 170 ตารางเมตร นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนอย่างก้าวกระโดด คุณแววจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งขยายไลน์เบเกอรี่เพื่อคนรักสุขภาพ จับพื้นที่ 30% ของทั้งหมดมาเปิดโมเดล Grab & Go เน้นความสะดวกสบายที่ฉับไว โดยใช้พื้นที่ครัวกลางของ The Walk Ratchapruek เป็นจุดอบขนม ปรากฏว่าผลตอบรับเกินความคาดหมาย ก่อนจะแตกไลน์สินค้าเป็นอาหารกล่องเพิ่มเข้ามา

(ขอบคุณรูปจาก White Story)
เมื่อธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น การเติบโตขั้นถัดไปก็เริ่มต้นขึ้น ‘White Story’ ได้โอกาสบุกเมืองครั้งแรกกับการเปิดตัวสาขาใหม่ ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองอย่าง Emquartier ซึ่งสาขานี้ถือเป็นบทเรียนต้นแบบให้คุณแววและทีมได้ศึกษา เพื่อนำไปปรับปรุงธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนให้ ‘White Story’ ตั้งแต่สาขาที่ 6 เป็นต้นไปถูกเปิดขึ้นเพื่อบริการในรูปแบบ Grab & Go ร้อยเปอร์เซ็นต์

ทีนี้ เมื่อธุรกิจก้าวสู่การเป็น Grab & Go เต็มตัว ก็ต้องเจอกับความท้าทายในเรื่องของการบริหารจัดการวัตถุดิบ ทีมจึงเกิดไอเดียจัดโปรโมชันตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไปของทุกวันด้วยการจำหน่ายสินค้าในราคาย่อมเยา 2 กล่อง 100 จนกลายเป็นไวรัลบอกต่อส่งให้ ‘White Story’ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากในโลกออนและออฟไลน์ สร้างรายได้ในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท

(ขอบคุณรูปจาก White Story)
ปัจจุบัน ‘White Story’ กระจายความอร่อยไปทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลถึงกว่า 80 สาขา มีสินค้าให้เลือกชิมเกือบๆ 300 SKU พร้อมมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่จะกระจายความอร่อยให้ได้ครบ 100 สาขา รวมถึงทุบรายได้ 1,000 ล้านบาทให้ได้ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า