เศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ ดูเหมือนจะเริ่มกลับมามีบรรยากาศที่ดีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้น “คนละครึ่งพลัส” ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และมีแนวโน้มว่าจะปล่อยมาตรการเฟส 2 ออกมาอีกต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ภาพรวมเงินเฟ้อไทยยังคงติดลบที่ระดับ 0.49% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดกัน โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าครัวเรือน และน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดลงตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก และมาตรการลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ ส่งผลให้เงินเฟ้อ 11 เดือนของปี 68 (ม.ค.-พ.ย.) ลดลง 0.12% สะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจไทยยังคงไม่ฟื้นเต็มที่ ประชาชนก็ยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย นอกจากนี้ทางภาคใต้ โดนเฉพาะหาดใหญ่ ยังมีปรสบกับปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้เศรษฐกิจ ท่องเที่ยวในพื้นที่สะดุด
แน่นอนว่าภาคที่เป็นความหวังของเศรษฐกิจไทยก็คือ การใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ยังมีข้อถกเถียงกันเกี่ยวกับกฎหมายแอลกอฮอล์ รวมถึงการจำกัดเวลาซื้อ-ขาย ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2515 จากประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 เพื่อป้องกันข้าราชการดื่มสุราในช่วงกลางวัน จากนั้นมีการกำหนดเวลาห้ามขายใน วันหยุดนักขัตฤกษ์และวันสำคัญทางพุทธศาสนา ตั้งแต่ปี 2551 ที่ภาคธุรกิจและบริการมองว่าเป็นข้อจำกัดของนักท่องเที่ยว เป็นอุปสรรคต่อรายได้และเศรษฐกิจ อีกทั้งยังสร้างความสับสนให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาไทย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมาเว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรื่องกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2568 ลงวันที่ 2 ธ.ค.2568 ความว่า โดยเป็นการสมควรปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2568 เพื่อให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(ฉบับ 2) พ.ศ.2568 คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ราชกิจจาบุเบกษา
ประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรื่องกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2568
ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2568ลงวันที่ 23มิถุนายน พ.ศ. 2568
ข้อ 3 ห้ามผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาอื่น ยกเว้นเป็นการขายตามเวลา ดังต่อไปนี้
(1) ตั้งแต่เวลา 11.00 นาฬิกา ถึงเวลา 14.00 นาฬิกา
(2) ตั้งแต่เวลา 14.00 นาฬิกา ถึงเวลา 17.00 นาฬิกา โดยให้ขายได้เป็นระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
(3) ตั้งแต่เวลา 17.00 นาฬิกา ถึงเวลา 24.00 นาฬิกา
ให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานครและคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัดประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาตาม (2) แล้วเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อพิจารณาก่อนครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว
ข้อ 4 การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามข้อ 3 ไม่ใช้บังคับแก่การขายในกรณี ดังต่อไปนี้
(1) การขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ
(2) การขายในสถานบริการซึ่งเป็นไปตามกำหนดเวลาเปิดปิดของสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ
(3) การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรื่องกำหนดเวลาห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2568 ลงวันที่ 2 ธ.ค.2568 ความว่า
ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 2 ห้ามผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสถานที่หรือบริเวณที่จัดบริการเพื่อให้มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า ในเวลาที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามมาตรา 28 เว้นแต่ผู้นั้นได้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก่อนเริ่มต้นเวลาห้ามขาย และได้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอล์นั้นต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงนับแต่เริ่มต้นเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ความหวังร้านอาหาร ท่องเที่ยวกิน-ดิ่ม
คุณสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมโฮสเทล ประเทศไทย บอกว่าการปลดล็อกช่วงเวลาขายแอลกอฮอล์ตั้งแต่บ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็นให้กับกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร โดยคำนึงถึงบริบทของประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ซึ่งเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว แตกต่างจาก 53 ปีที่แล้วของคำสั่งคณะปฏิวัติ 2515 ที่ออกมาเพื่อห้ามข้าราชการออกไปนั่งดื่ม
การปลดล็อคช่วงเวลาให้ขายแอลกอฮอล์ได้นั้น สำหรับธุรกิจร้านอาหารจะช่วยส่งเสริมให้กับธุรกิจร้านอาหารมีรายได้จากการขายอาหารเพิ่มอย่างน้อย 20% เพราะชาวต่างชาติจะไม่ทานอาหารเที่ยงตรงเวลา ส่วนใหญ่จะเข้าร้านอาหารมื้อเที่ยงช่วงประมาณบ่ายๆ และเมื่อนักท่องเที่ยวสามารถนั่งดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ก็จะสามารถนั่งทานอาหารได้นานขึ้นและสั่งอาหารเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงร้านอาหารจะไม่มีช่วงเวลาฟันหลอ 3 ชั่วโมง หรือหากระหว่างท่องเที่ยวในช่วงบ่าย ซึ่งประเทศไทย เป็นประเทศเมืองร้อน ฝรั่งต่างชาติมักจะนิยมหาร้านนั่งพักเพื่อดื่มเบียร์ได้ ก็จะเป็นการตอบสนองตรงตามความต้องการและรสนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
ผู้ประกอบการหวังให้ปลดล็อกถาวร
ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร มองว่าการปลดล็อกเวลาขายสุรา จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้คึกคักได้ในช่วงปลายปีไปจนถึงต้นปีหน้า เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆในอาเซียนได้มากขึ้นด้วย รวมไปถึงเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคธุรกิจร้านอาหารให้สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย แต่ขอให้เป็นการปลดล็อกแบบถาวรเลย เพราะเป็นกฏหมายที่ไม่เข้ากับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงไม่ตรงกับบริบทของโลกในปัจจุบัน
ที่ผ่านมา เมื่อกฎหมายฉบับใหม่กำหนดโทษเข้มงวดต่อนักท่องเที่ยวที่ดื่มเกินเวลา ทำให้สื่อต่างประเทศจำนวนมากรายงานประเด็นนี้จนเกิดความหวาดกลัวในการเดินทางเข้าไทย โดยเฉพาะในกลุ่มที่วางแผนท่องเที่ยวช่วงปลายปี ซึ่งผลต่อเนื่องคือการตัดสินใจเปลี่ยนปลายทางไปยังประเทศอื่นในอาเซียนที่มีกฎระเบียบยืดหยุ่นกว่า ทำให้ไทยเสี่ยงสูญเสียรายได้ท่องเที่ยวจำนวนมากโดยไม่จำเป็นด้วย
ดันเศรษฐกิจภาคกลางคืนเงินสะพัด
ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เคยให้ข้อมูลไว้ว่า การปลดล็อกคำสั่งคณะปฏิวัติห้ามขายแอลกอฮอล์ 14.00-17.00 น. ของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเป็นการส่งเสริมภาคท่องเที่ยวและสถานบันเทิง รวมถึงธุรกิจภาคกลางคืน โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ 1,000-3,000 ล้านบาทในช่วง 2 เดือนสุดท้ายปี 2568 และสะพัดกว่า 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปี
ทดลองก่อน 6 เดือน เพื่อประเมินผลดี-ผลเสีย
การประกาศผ่อนคลายช่วงเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด จะประเมินผลกระทบ เสนอต่อคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อพิจารณาก่อนครบกำหนดเวลาอีกครั้ง
ด้านคุณพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าแม้ให้เวลาขายเพิ่มเติมแต่เป็นช่วงกลางวัน แต่มั่นใจว่าน่าจะบริหารจัดการได้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไร เราตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ช่วง 6 เดือน จะเห็นภาพทั้งหมด ซึ่งสามารถพูดคุยเพื่อหามาตรการเพิ่มเติมได้ต่อไป
6 เดือนต่อจากนี้ อาจจะต้องวัดใจนักดื่ม กับความคุ้มค่าของการขยายเวลาให้กับสายดริ๊งก์ เทียบกับผลกระทบที่อาจจะตามมาในภายหลัง นอกเหนือจากตัวเลขรายได้ ยอดขายและผลในเชิงเศรษฐกิจต่อจากนี้ ….