สรุปรวบตึง “ดิจิทัลวอลเล็ต” รับเงิน 10,000 บาท ต้องทำอย่างไร ลงทะเบียนวันไหน ใครแป๊กไม่ได้รับสิทธิ สินค้าอะไรซื้อได้–ไม่ได้ และวิธีลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ ที่ถูกต้อง เช็กเลย!!
ในที่สุดรัฐบาลก็ได้แจกแจงไปแล้วสำหรับรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งหัวเรือใหญ่อย่างกระทรวงการคลังก็ได้ชี้แจงรายละเอียดความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยย้ำคอนเซ็ปต์เดิมว่าโครงการจะเป็นเสมือนพายุหมุนลูกใหญ่กระตุ้นการใช้จ่าย มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีนี้
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการแจกเงิน เพื่อแก้วิกฤตทางเศรษฐกิจ และต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากถามว่าทำไมโครงการดังกล่าวถึงดำเนินการล่าช้า ก็เพราะว่าต้องการให้เงินที่แจกถึงมือประชาชน เพราะฉะนั้นต้องมีการรวบรวมข้อมูล และการประมาณการณ์ผู้ใช้สิทธิ์ ให้ข้อมูลนิ่งเสียก่อน จึงสามารถดำเนินโครงการได้ โดยคาดว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบที่เราเรียกว่า ‘พายุหมุนทางเศรษฐกิจ’ ทั้งพายุหมุนระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก, พายุหมุนระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่, พายุหมุนระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ ภายใต้การดำเนินงานที่โปร่งใส การซื้อขายที่โปร่งใส กระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ
<คลังยันไม่มีปัญหาแหล่งเงินทุนงบประมาณ>
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใช้วงเงินทั้งสิ้น 450,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณจากงบประมาณงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2567 และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และย้ำว่าไม่มีปัญหาในการจัดหาแหล่งเงินงบประมาณโครงการตามที่หลายฝ่ายเป็นกังวลแน่นอน
โดยรัฐบาลจะดีเดย์เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเงินดิจิทัลเพื่อเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต หรือ เงินดิจิทัล 10000 บาท ในวันที่ 1 สิงหาคม ไปจนถึง 15 กันยายน 2567 และมีกำหนดการที่จะให้เริ่มใช้จ่ายในโครงการฯฯ ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567
ส่วนประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะเปิดลงทะเบียนในวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 และร้านค้าเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
<ใครมีสิทธิ์จะได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทบ้าง >
– เป็นประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
– มีสัญชาติไทย
– มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 กันยายน 2567)
<ใครที่จะไม่มีสิทธิ์รับเงินหมื่น>
– ผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
– มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท
โดยตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่ (1) เงินฝากกระแสรายวัน (2) เงินฝากออมทรัพย์ (3) เงินฝากประจำ (4) บัตรเงินฝาก (5) ใบรับเงินฝาก และ (6) ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับข้อ (1) – (5) ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
– ผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
– ผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่นๆ ของรัฐ
– ผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่นๆ ของรัฐ
<เช็กไทม์ไลน์อีกครั้ง เปิดลงทะเบียนวันไหน>
– ประชาชนทั่วไป (มีสมาร์ทโฟน)
เปิดลงทะเบียนระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 จะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” บนสมาร์ทโฟน โดยไม่มีการจำกัดจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่วมใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ดังนั้นประชาชนทุกคนที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งรัฐบาลได้ประมาณการไว้จำนวน 45–50 ล้านคน
– ประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน
สำหรับกลุ่มนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมการให้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ในระยะต่อไป โดยจะให้มีการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด (ระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567) ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มผู้มีสมาร์ทโฟน
ส่วนของการใช้จ่ายนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน แต่การใช้สิทธิซื้อสินค้าจากร้านค้าจะทำได้ในวงแคบกว่าการใช้สิทธิของประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน ดังนั้นการลงทะเบียนผ่านสมาร์ทโฟนจะสามารถใช้งานได้สะดวกกว่า จึงแนะนำให้พยายามลงทะเบียนผ่านทางสมาร์ทโฟนก่อนเป็นอันดับแรก
การลงทะเบียนร้านค้า ในเบื้องต้นกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ซึ่งจะมีการแถลงข่าวเพิ่มเติมเพื่อแจ้งเกี่ยวกับคุณสมบัติของร้านค้า ช่องทางและวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และเงื่อนไขอื่นๆ ให้ทราบต่อไป
<ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท ซื้อสินค้าได้เมื่อไร?>
– เริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567
<ซื้อสินค้าได้ที่ไหนบ้าง?>
ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้าขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก แต่จะไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก–ค้าส่งสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น และในการซื้อสินค้า
โดยจะต้องใช้จ่ายในพื้นที่ ที่ระบุตามทะเบียนบ้านในอำเภอใด ก็ต้องซื้อสินค้าจากร้านค้าในอำเภอเดียวกันเท่านั้น และต้องซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) ซึ่งคำว่าซื้อขายแบบพบหน้านี้ จะมีการตรวจสอบ
(1) ที่อยู่ของร้านค้าตามที่ลงทะเบียนโครงการฯ
(2) ที่อยู่ของประชาชนตามทะเบียนบ้านในขณะที่ลงทะเบียนโครงการฯ
(3) พิกัดที่อยู่ของประชาชนในขณะที่ใช้จ่ายกับร้านค้าต้องอยู่ในเขตอำเภอเดียวกัน การชำระเงินจึงจะสมบูรณ์
ขณะที่การใช้จ่าย “ร้านค้า” กับ “ร้านค้า” กำหนดไว้ว่าร้านค้าทุกประเภทสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้ และไม่มีการกำหนดเงื่อนไขว่าต้องเป็นการซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) จึงซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้ แม้จะอยู่ต่างพื้นที่
<ซื้ออะไรได้บ้าง?>
สามารถซื้อสินค้าได้ทุกประเภทสามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้
*ยกเว้น! สินค้า Negative List ที่เงินดิจิทัล 10000 ไม่สามารถซื้อได้ นั่นก็คือ
– สลากกินแบ่งรัฐบาล
– เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
– ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
– กัญชา
– กระท่อม
– พืชกระท่อม
– ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม
– บัตรกำนัล
– บัตรเงินสด
– ทองคำ
– เพชร
– พลอย
– อัญมณี
– น้ำมันเชื้อเพลิง
– ก๊าซธรรมชาติ
– เครื่องใช้ไฟฟ้า
– อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้า Negative List เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้การใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ จะไม่รวมถึงบริการต่างๆ
<ขั้นตอนการลงทะเบียน>
การลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
– รูปแบบที่ 1 การยืนยันตัวตนและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567
– รูปแบบที่ 2 มีการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” มาก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2567 แล้ว จึงค่อยมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปฯ ทางรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ซึ่งจะทำให้คงเหลือขั้นตอนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ที่ง่ายและรวดเร็วกว่า
ดังนั้น ประชาชนควรเตรียมการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และทำการยืนยันตัวตนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจาก App Store สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS และ Google Play สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วนโทร 1111 ซึ่งพร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
หรือสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท ได้ที่เว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือพิมพ์เป็นภาษาไทย www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย