ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีเตรียมเดือด ผู้ประกอบการพร้อมลุย “คนละครึ่งพลัส”  หวังพลัสยอดขายโตพุ่งส่งท้ายปี 

โครงการ “คนละครึ่งพลัส ”  ได้เริ่มโหมโรงไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา  โดยได้เปิดให้ประชาชนที่มีสิทธิร่วมโครงการ ใช้จ่ายผ่านระบบแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ตามนโยบายรัฐบาล ที่ต้องเติมเงินเข้าแอปฯ เป๋าตัง เพื่อเป็นการเปิดใช้งานและยืนยันสิทธิ สร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยทให้คึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  สะท้อนถึงความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ บรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนและผู้ประกอบการในยุคนี้

และในโครงการ “คนละครึ่งพลัส” รัฐบาลยังคงดึงร้านค้าบนแพลตฟอร์มให้เข้าร่วมโครงการด้วยเช่นกัน เพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และยังกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้าด้วย 

บนเวทีสนทนาโต๊ะกลม “ถกกระแสคนละครึ่งพลัส ความหวังร้านอาหารและปากท้องคนไทย”  ที่จัดโดย ไลน์แมน วงใน เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา  คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยข้อมูลว่า จากสถิติความสำเร็จคนละครึ่งบน LINE MAN รอบก่อนหน้ามีร้านกว่า 100,000 ร้านเข้าร่วมบนระบบเดลิเวอรี และกว่า 70% ของร้านค้าที่เข้าร่วมเลือกขายบนแพลตฟอร์ม LINE MAN  โดยกว่า 90% ของยอดการใช้สิทธิคนละครึ่งบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ทั้งหมดเกิดขึ้นบน LINE MAN  อีกทั้งโครงการ คนละครึ่ง ยังช่วยสร้างการเติบโตให้ยอดขายเฉลี่ย 1-5 เท่า บางร้านเติบโตสูงสุดถึง 16 เท่า ตอกย้ำว่าโครงการนี้สร้างการเติบโตที่จับต้องได้และยั่งยืนให้กับร้านอาหารทั่วประเทศ

<ผู้ประกอบการตื่นตัว ไม่แพ้ผู้บริโภค>

คุณคุณาพงศ์ เตชวรประเสริฐ กูรูร้านอาหาร เจ้าของเพจขายดีไปด้วยกัน บอกว่าจากเสียงสะท้อนของร้านค้าทั่วประเทศนั้น ผู้ประกอบการรายใหม่ยังมีความลังเลในการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เนื่องจากกังวลเรื่องภาษี ขณะที่ร้านค้าที่เคยเข้าร่วมมาก่อนเห็นตรงกันว่าโครงการนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้จริง โดยเฉพาะเมื่อมีการขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี ยิ่งทำให้เข้าถึงลูกค้าได้สะดวกและครอบคลุมมากขึ้น แม้จะมีความกังวลบางอย่าง แต่โดยภาพรวมร้านค้าและผู้บริโภคต่างตื่นตัวและรอคอยการกลับมาของโครงการในรอบใหม่นี้อย่างคึกคัก

ในมุมของเจ้าของร้านข้าวมันไก่ที่มียอดขายบน LINE MAN กว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน มองว่าการเสียภาษีไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพราะการอยู่ในระบบภาษีช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและต่อยอดสู่การขยายกิจการได้ในอนาคต พร้อมเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการนิติบุคคลมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจร้านอาหารไทยให้แข็งแกร่งในระยะยาว การใช้เดลิเวอรีเป็นช่องทางที่สะดวกมาก ไม่อยากให้ร้านค้าลังเลที่จะเข้าร่วม 

ขณะที่ คุณธนันท์รัท เกื้อหนุน เจ้าของร้านตำยำยั่ว by โบตั๋น บอกว่า โครงการคนละครึ่งเป็นความหวังของผู้ประกอบการ เพราะเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น และการมีเดลิเวอรียังทำให้ความแออัดหน้าร้านน้อยลง ทำให้ร้านยอดขายโตขึ้น 2-3 เท่า รวมทั้งยังทำให้ร้านเราเป็นที่จดจำ สร้างการมีตัวตน เช่น การมีรีวิวที่ดีบน LINE MAN ทำให้ร้านเล็กมีศักยภาพสู้กับร้านใหญ่ได้ดีขึ้น

สำหรับ โครงการคนละครึ่งพลัสนี้ มีการเตรียมตัวเข้าร่วมโครงการคือ การเทรนพนักงานว่าไม่ควรจัดการออเดอร์หนึ่งนานเกิน 15 นาที เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ร้านค้าและไรเดอร์ไม่ต้องรอนาน

<“คนละครึ่งพลัส” เป็นเหมือน “สเตียรอยด์”>

คุณฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ให้ความเห็นว่า “คนละครึ่งพลัส” เป็นเหมือน “สเตียรอยด์” ที่ฉีดแล้วเศรษฐกิจฐานรากจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนนี้ และมองว่าเป็นการแก้ไขจุดอ่อน จากโครงการที่ผ่านมาได้ดี 

ส่วนในฐานะนายกสมาคมภัตตาคารไทย ได้ผลักดันเรื่องคนละครึ่งอีกครั้งตั้งแต่ช่วงหลังสงกรานต์ เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจแย่มาก และร้านอาหารต้องการทางรอด โดยข้อมูลที่ปรึกษาร่วมกับ LINE MAN Wongnai พบว่ายอดขายร้านอาหารเติบโตขึ้นได้จริงในช่วงที่มีคนละครึ่ง ความสำเร็จหลังจากผลักดันโครงการคนละครึ่งร่วมกับ LINE MAN ทางรัฐบาลชุดปัจจุบันรับหลักการ ให้มีโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งถือเป็น ของขวัญที่ดีที่สุด สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารและ Micro SME อื่น ๆ นอกจากร้านอาหาร ยังมีร้านสปา, ร้านตัดผม, ขนส่งสาธารณะ และชุมชน

ผลที่ได้คือ ร้านไซส์ S หรือร้านที่มียอดขาย 15,000 – 30,000 บาทต่อวัน และ Micro SME รายได้ไม่เกิน 5,000 ต่อวัน รวมจำนวนกว่า 600,000 ได้เข้าร่วม ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของ ขนส่ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

<ตลาดเดลิเวอรีจ่อเดือด เมื่อมี” คนละครึ่งพลัสมา> 

ก่อนที่จะเริ่มเปิดใช้โครงการคนละครึ่งพลัส บรรดาแพลตฟอร์มเดลิเวอรีต่างก็แข่งกันออกแคมเปญ เพื่อดึงร้านค้าเข้าร่วมโครงการ  คุณยอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai มองว่าการแข่งขันตลาดนี้ยังคงสูงและยังโตได้ต่อเนื่อง คาดว่าทั้งปีจะโตได้ 10-20% ส่วนในปี 2026 คาดว่าตลาดก็จะยังคึกคัก 

ซึ่ง LINE MAN Wongnai ได้ทุ่มงบรวม 300 ล้านบาท ในการจัดทำแคมเปญ “คนละครึ่งพลัส” โดยเฉพาะ แม้จะมีการลดค่า GP ที่ 7% อาจดูมากกว่าเจ้าอื่น แต่คุณยอด บอกว่าเป็นการกำหนดในอัตราที่ถูกแล้ว และเหมาะสมเมื่อนำไปรวมกับแคมเปญร่วมรายการอื่นๆ ในการกระตุ้นความสนใจของประชาชน และตลาด ซึ่งภายใต้แคมเปญนี้ ได้แก่ ลดค่า GP เหลือ 7%, ส่งฟรี 5 กิโลเมตรแรก, อัดงบการตลาด 300 ล้านบาทผ่านแคมเปญต่าง ๆ  และสร้างความมั่นใจด้วยพรีเซ็นเตอร์อย่างพี่หนุ่ม กรรชัย ส่วนการสนับสนุนไรเดอร์จะมีการเพิ่มเงินอัดฉีดในไรเดอร์เพื่อรองรับปริมาณงานที่มากขึ้น 

ขณะเดียวกันยังมีการช่วย Up-Skill และ Re-Skill ร้านค้าเพิ่มเติม โดยมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้ร่วมกับ Depa เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และการใช้เทคโนโลยีอย่างซอฟต์แวร์จัดการร้าน หรือ POS เพื่อมุ่งสร้างความเติบโตให้ร้านค้า ปูทางไปสู่การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของร้านค้า ซึ่งมีการสนับสนุนโซลูชันตรงนี้ให้พร้อมด้วย 

โดย LINE MAN Wongnai  ตั้งเป้าหมายในช่วง 2 เดือนจะเพิ่มยอดผู้ใช้งานแอปฯเดลิเวอรี 1 ล้านคน และเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้า 10-20% จากช่วงปกติที่ไม่มีคนละครึ่งพลัส ส่วนคนละครึ่งพลัสเฟส 2 คาดว่ารัฐบาลจะให้ความชัดเจนภายในเดือน พ.ย. 68 นี้ 

มีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่าตลาด Food Delivery ในประเทศไทยมูลค่าอาจสูงเกิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังคงคุ้นชินกับการสั่งอาหารออนไลน์ และการมองหาความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต แต่ที่ผ่านมาตลาดนี้ไก็ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ไม่แพ้กับตลาดอื่นๆในระบบเศรษฐกิจ  กำลังซื้อผู้บริโภคที่แผ่วลง ส่งผลต่อยอดสั่งและยอดขาย  การอัดโครงการ”คนละครึ่งพลัส” เข้ามาเป็นออฟชั่นเสริมให้กับตลาด กลายเป็นความหวังของร้านค้า ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายเล็กรายน้อยที่ต้องการพยุงสายป่าน เพื่อลุกเดินต่อไปข้างหน้า ให้พ้นสิ้นปีนี้ไปให้ได้นั่นเอง…..

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles