ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมาแม้ว่าสถานการณ์การลงทุนในตลาดสินทรัพย์ต่างๆ จะมีความผันผวนสูง และมีปัจจัยที่มีผลต่อความไม่แน่นอนในการลงทุน แต่หลายคนยังคงรักมั่นใน “ทองคำ” สินทรัพย์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเดอะเบสของความปลอดภัยและป้องกันความเสี่ยงจากการอกหักของสินทรัพย์อื่น
ด้วยคุณสมบัติที่เป็นทั้งสินทรัพย์เพื่อการลงทุน สะท้อนความมั่งคั่ง หรือในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทองยังใช้เป็นสินทรัพย์มีค่าใช้ค้ำประกัน เป็นเงินลงทุนที่ปลอดภัยและมีความคงทนต่อการแลกเปลี่ยน เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของเงินตราทั่วไป
<ทองคำก็สวิงเก่ง ทำนักลงทุนว้าวุ่นไม่แพ้กัน>
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาราคาทองคำก็มีความผันผวนไม่แพ้กันกับสินทรัพย์อื่นๆ และในปีที่ผ่านมา ทองคำยังทำลายสถิติทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2567 เมื่อเทียบกับราคาในช่วงปี 2566 ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นมาราว 27.96% แต่กว่าจะมาถึงระดับนิวไฮราคาก็มีความผันผวนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนและตลาดทองกระสับกระส่าย
ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าสาเหตุที่ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ในปีที่ผ่านมานั้นก็มาจาก 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1. ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆ
ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงคือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงความไม่สงบทางการเมือง เช่น ความกังวลสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น สหรัฐฯ และจีน ความขัดแย้งในยูเครนและความรุนแรงในตะวันออกกลาง เมื่อมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น นักลงทุนมักจะมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยในการป้องกันความเสี่ยง โดยทองคำถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักที่ใช้สำหรับการปกป้องทรัพย์สินจากความเสี่ยงเหล่านี้
2. นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย
ธนาคารกลางหลายประเทศได้นำนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่นโยบายดังกล่าวก็ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและรักษามูลค่าได้ เช่น ทองคำ การอ่อนค่าของสกุลเงินทำให้นักลงทุนมักจะซื้อทองคำ เพื่อป้องกันการสูญเสียมูลค่าของเงินตรา และส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น
3. การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขายทองคำ ทำให้ทองคำมีราคาสูงขึ้น เมื่อวัดในสกุลเงินอื่นๆ เนื่องจากราคาทองคำถูกกำหนดด้วยเงินดอลลาร์ การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้นักลงทุนทั่วโลกซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน
4. การเก็งกำไรในตลาดการเงิน
นักลงทุนรายใหญ่และกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับทองคำมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น การเก็งกำไรในทองคำทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ และส่งผลให้ราคาพุ่งสูง เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง นักลงทุนจึงสามารถซื้อขายได้อย่างรวดเร็วเพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนของราคา
เว็บไซต์ฮั่วเซ่งเฮงรายงานภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านปี 2567 ว่าราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องด้วยความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ภายใต้นโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจกระตุ้นเงินเฟ้อ และอาจส่งผลให้เฟดต้องชะลอการปรับลดดอกเบี้ย รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาดี ทำให้เป็นแรงหนุนต่อราคาทองคำ
ส่วนราคาทองคำไทย เว็บไซต์ ทองคําราคา.com ได้สรุปภาพรวมราคาทองคำทั้งปี 2567 ไว้ โดยเฉลี่ยทองไทยทั้งปีปรับขึ้น +8,750 บาท ทำราคาสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 44,550 บาท ส่วนราคาต่ำสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 33,400 บาท ในช่วงเดือนมีนาคมและเดือนตุลาคมปรับขึ้นเฉลี่ยสูงสุด 3,950 บาททั้งสองเดือน และช่วงเดือนพฤศจิกายนราคาดิ่งลงมามากสุด และย่อลงมาต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี
<ราคาทองไทยเฉลี่ยสุดว๊าว>
เมื่อย้อนกลับไปช่วงปีที่เกิดวิกฤตโควิด–19 ปี 2562 พบว่าราคาทองคำมีแต่พุ่ง บวกขึ้นทุกปี ซึ่งจากข้อมูลของ ทองคําราคา.com ที่ได้รวบรวมไว้ ราคาทองคำไทยย้อนหลังและสรุปราคาเฉลี่ยของทองคำย้อนหลัง 5 ปี มีข้อมูลดังต่อไปนี้
– ปี 2562 ราคาทองไทยเฉลี่ยทั้งปีปรับขึ้น +1,850 บาท
– ปี 2563 ราคาทองไทยเฉลี่ยทั้งปีปรับขึ้น +5,300 บาท
– ปี 2564 ราคาทองไทยเฉลี่ยทั้งปีปรับขึ้น +1,800 บาท
– ปี 2565 ราคาทองไทยเฉลี่ยทั้งปีปรับขึ้น +1,200 บาท
– ปี 2566 ราคาทองไทยเฉลี่ยทั้งปีปรับขึ้น +3,800 บาท
– ปี 2567 ราคาทองไทยเฉลี่ยทั้งปีปรับขึ้น +8,750 บาท ทำลายสถิติสูงสุดในประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่แท้ทรู !!
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ลิงก์นี้ ->> https://shorturl.asia/WRe1d
<แนวโน้มทองโลกยังไปได้สวย>
World Gold Council (WGC) ได้รายงานแนวโน้มราคาทองคำประจำปี 2568 ระบุว่าทองคำมีผลงานยอดเยี่ยมในปี 2567 โดยราคาปรับตัวขึ้น 28% จนถึงเดือน พ.ย. 2567 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ถึง 40 ครั้ง และมูลค่าซื้อขายทองคำในไตรมาส 3 ทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก การวิเคราะห์ของ WGC โดยใช้เครื่องมือ Qaurum ชี้ว่าหากเศรษฐกิจเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาดในปี 2568 ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบใกล้เคียงกับช่วงท้ายปี 2567 พร้อมโอกาสปรับตัวขึ้น
<ทองคำไทย ปี 2568 มีโอกาสได้เห็น 50,000 บาท>
คุณพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) บอกว่า นักวิเคราะห์จากธนาคารชั้นน่าหลายแห่งยังคงให้น้ำหนักปี 2568 คาดราคาทองมีโอกาสขึ้นไปที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพราะยังมีปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และเรื่องซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกสนับสนุนให้ทองคำยังคงได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าระยะสั้นจะสลับมาแกว่งตัวสร้างฐานบ้าง
ส่วนราคาทองคำในประเทศไทย YLG มองว่า ปี 2568 จะมีโอกาสไปถึง 50,000 บาท เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐ จึงตกเป็นประเทศเป้าหมายที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” จะดำเนินนโยบายภาษีนำเข้า จึงอาจจะส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยปีหนำเคลื่อนไหวไปในทิศทางอ่อนค่า และส่งผลดีต่อทองคำในประเทศ
ด้านคุณจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ มองทิศทางราคาทองคำในปี 2568 ว่าราคาทองจะไม่ผันผวนแรงเท่ากับปี 2567 แต่ก็มีโอกาสที่ราคาทองคำโลกจะพุ่งขึ้นไปแตะ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้ หรือถ้าเทียบเป็นเงินบาทก็จะอยู่ที่ประมาณ 46,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งยังต้องจับตาการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในช่วงกลางเดือนมกราคม โดยเฉพาะนโยบายทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่จะปั่นป่วนส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในปี 2568
การลงทุนในทองคำถือเป็นการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุน ด้วยคุณสมบัติที่มีเพียงหนึ่งเดียว อย่างไรก็ตามการเลือกลงทุนในทองคำก็ควรพิจารณาเปรียบเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าทองคำมีจุดเด่นหรือจุดด้อยอย่างไร และที่สำคัญเหมาะกับเราหรือไม่ แต่ถ้าหากต้องการจะลงทุนเพื่อถือไว้เป็นทรัพย์สมบัติ เอาไว้ออกมาใช้ในยามจำเป็น ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน…