โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” หนึ่งในโครงการเรือธงของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่ประกาศก่อสร้างโครงการบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งมีที่ดินบนทำเลศักยภาพในการพัฒนาเชิงพาณิชย์กระจายอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 38,000 ไร่ โดยมีเป้าหมายคือกลุ่มคนไทยผู้มีรายได้น้อยและคนเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) ที่ต้องการจะมีบ้าน โดยจะให้สิทธิซื้อเป็นบ้านหลังแรกมีงวดผ่อนเริ่มที่ 4,000 บาท/เดือน ระยะผ่อน 30–40 ปี แต่จะได้รับสิทธิอยู่อาศัย 99 ปี โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นผู้ปล่อยกู้ซื้อบ้านเพื่อคนไทยในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2.5%
<คิกออฟ “บ้านเพื่อคนไทย” – เปิดชมบ้านตัวอย่าง>
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ม.ค. 68) คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้คิกออฟโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปแล้วอย่างเป็นทางการ โดยได้เปิดให้สื่อมวลชน และประชาชนเข้าชมตัวอย่างห้อง ณ บริเวณโถงกลางประตู 1 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการเป็นวันแรก
โดยคุณแพทองธาร กล่าวว่าจากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (2560–2579) พบว่าจำนวนครัวเรือนในประเทศไทย 21.32 ล้านครัวเรือน มีคนไทยถึง 27.5% หรือ 5.87 ล้านครัวเรือนที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่สถานการณ์ปัจจุบันบ้านที่มีคุณภาพสูงในทำเลที่ดีมีราคาค่อนข้างแพงและใช้ต้องเงินดาวน์ จนทำให้การมีบ้านเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือ First Jobber ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ทำ “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” สร้างที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมโดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ ผ่อนรายเดือนไม่สูง และมีคุณภาพดี เป้าหมายเพื่อทำให้คนไทยทุกคนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มีบ้านของตัวเอง และลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น
ด้านคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ดำเนินการโดย SRTA บริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยจากการสำรวจและวิเคราะห์ปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ศักยภาพสามารถนำมาใช้ในการดำเนินโครงการ ได้ประมาณ 25 จังหวัด และมีพื้นที่เป้าหมายสามารถพัฒนาเป็นโครงการนำร่องได้ 4 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ กม.11 (วิภาวดี), พื้นที่ธนบุรี, พื้นที่เชียงใหม่ และพื้นที่เชียงราก สามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมบนทำเลที่มีศักยภาพ สะดวกต่อการเดินทางโดยระบบสาธารณะ ตอบโจทย์ตามความต้องการของประชาชน
<เปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์ ไม่นานเว็บดันล่ม>
โดยทันทีที่ถึงกำหนดเปิดลงทะเบียนบ้านเพื่อคนไทย เวลา 14.00 น. ของวันที่ 17 ม.ค. 68 ปรากฎว่าชาวเน็ตบ่นกันระงม หลัง www.บ้านเพื่อคนไทย.th ล่ม ไม่สามารถเข้าใช้งานได้เลย รวมทั้งไม่สามารถลงทะเบียนได้ตามกำหนดเวลา
ซึ่งในเวลาต่อมากระทรวงคมนาคม หัวเรือผู้รับผิดชอบโครงการ ก็ได้ทำการแก้ไขเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ หลังจากที่ยกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด โครงการบ้านเพื่อคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากที่นายกฯ กดปุ่มเปิดโครงการแค่เพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง ประชาชนก็แห่ลงทะเบียนแล้วถึง 23 ล้านคนเลยทีเดียว (ยังไม่อัปเดตล่าสุดของวันนี้)
<จะสรุปรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิ์ภายใน 3 เดือน>
คุณสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าโครงการนำร่อง 4 พื้นที่จะมีประมาณ 5,000 ยูนิตก่อน ซึ่งเป้าหมายของการให้ลงทะเบียน คือต้องการทราบความต้องการของประชาชนว่ามีจำนวนเท่าไร และหลังตรวจสอบคุณสมบัติแล้วมีเหลือจำนวนเท่าไร เพื่อสร้างให้รองรับกับความต้องการ ทำให้ยังไม่สามารถตอบเรื่องงบลงทุนของโครงการที่ชัดเจนได้
โดยคาดว่าไม่เกิน 3 เดือน จะสรุปรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิ์บ้าง และจะเริ่มการก่อสร้างได้ทั้ง 4 พื้นที่ โดยพื้นที่เชียงใหม่น่าจะเสร็จก่อนประมาณเดือน พ.ย. 68 เพราะเป็นบ้านเดี่ยว 35 หลัง ใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน ส่วนพื้นที่ บางซื่อ กม.11 จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง คาดว่าเข้าอยู่ได้ประมาณปี 2569
<“บ้านเพื่อคนไทย” ระยะแรกมี 2 ประเภท>
1. คอนโดมิเนียม แบ่งเป็น
– ห้องพัก 30 ตารางเมตร (1 ห้องนอน)
– ห้องพัก 40 ตารางเมตร (2 ห้องนอน)
– ห้องพัก 45 ตารางเมตร (2 ห้องนอน)
– ห้องพัก 51 ตารางเมตร (2 ห้องนอน)
2. บ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาด 50 ตารางเมตร บนที่ดิน 50 ตารางวา
<คุณสมบัติของผู้ซื้อสิทธิซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทย>
– เป็นผู้มีสัญชาติไทย
– เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน
– เป็นผู้ที่มีรายได้ ณ วันลงทะเบียน ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน
– ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยทุกประเภท
– ไม่เคยได้สิทธิ ในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
<ให้สิทธิเช่าถึง 99 ปี ไม่เคยมีมาก่อน>
คุณอธิป พีชานนท์ นายกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร มองว่าวัตถุประสงค์ของโครงการ เชื่อว่ามีเจตนาที่ดีที่จะช่วยให้คนที่ไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเองได้ในช่วงแรกของชีวิต หรือมีรายได้ไม่ได้มากพอ ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีที่อยู่อาศัย แต่ลักษณะการถือครองเป็นการเช่าระยะยาว การเรียกว่าคอนโดมิเนียมอาจจะไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้จดทะเบียนเป็นอาคารชุด จะไม่มีกรรมสิทธิ์ห้องชุดใดๆ เหมือนกับการเช่าที่อยู่อาศัยแต่เป็นการเช่าระยะยาว ซึ่งรัฐบาลให้สิทธิเช่าถึง 99 ปี ซึ่งถือว่ายาวมากและไม่เคยมีมาก่อน เพราะโดยตามกฎหมายที่อยู่อาศัยให้สิทธิการเช่าเพียง 30 ปี แล้วต้องไปจดทะเบียนต่อเป็นทอดๆ ไป แต่ครั้งนี้รัฐบาลทำเป็นกฎหมายเฉพาะให้เฉพาะโครงการนี้ เพราะกฎหมายหลักยังไม่ได้ถูกแก้
<ผ่อนเดือนละ 4,000 บาท แค่อัตราเริ่มต้น>
คุณโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บอกว่าอัตราการผ่อนชำระบ้านโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ในราคาเดือนละ 4,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย 2.5% ไม่เกิน 1,000,000 บาท แต่ถ้าบ้านมีราคาเกิน 1,000,000 บาทก็จะผ่อนแพงขึ้น และยังไม่รวมค่าส่วนกลาง
คุณโสภณยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่ารัฐบาลเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศสามารถจองได้ และไม่ได้มีการกำหนดในด้านเรื่องของอายุ ซึ่งเมื่อจับฉลากแล้วคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริงๆ จะได้สิทธิจำนวนเท่าไร คนที่มีรายได้ 50,000 บาท มองว่าเป็นรายได้ที่มากกว่ารายได้เฉลี่ยทั้งครอบครัว
โดยมองว่ารัฐบาลควรนำที่ดินดังกล่าวไปพัฒนาด้านสาธารณูปโภคอื่นๆ มากกว่าการสร้างบ้านเพื่อให้คนบางกลุ่มได้ประโยชน์ และการได้ประโยชน์จากการจับฉลาก
<ต้องวางเงื่อนไขรัดกุม ป้องกันนอมินีสวมสิทธิ์>
คุณอธิป พีชานนท์ นายกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ยังได้เตือนด้วยว่าจะต้องคัดกรองกลุ่มคนให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ เพราะหากไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้นต้องอาจจะมีนักลงทุนแฝงตัวเป็นนอมินี ใช้ชื่อคนอื่นในการจองสิทธิ โดยมีนายทุนอยู่เบื้องหลัง จะทำให้คนที่ได้รับผลประโยชน์คือกลุ่มนักลงทุน รวมทั้งต้องมีเงื่อนไข หรือสัญญาที่ชัดเจน ห้ามเช่าต่อ หรือเช่าช่วง รวมทั้งการขายต่อ
ส่วนเงื่อนไขหลังจากที่อยู่อาศัยครบ 5 ปี สามารถขายต่อได้นั้น ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะระยะเวลาสั้นเกินไป ดึงดูดให้นักลงทุนยอมเข้ามา ยอมถือครอง 5 ปี แล้วขายต่อ เพราะด้วยทำเลที่ตั้ง โอกาสขายต่อหลังครบ 5 ปี ซึ่งมีโอกาสได้กำไรสูง ควรจะกำหนดให้นานกว่านั้น อาจจะ 10 ปี หรือนานกว่านั้น และถ้าจะขายก็ต้องขายคืนให้ภาครัฐ เพื่อให้คนอื่นได้มีสิทธิต่อจะเป็นประโยชน์มากกว่าการไปขายเก็งกำไรกันเอง ซึ่งอาจจะไม่ได้ตรงวัตถุประสงค์ของโครงการด้วย
ขณะที่คุณสมบัติเรื่องรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือนอาจยังสูงไป เพราะกลุ่มคนที่ช่วยเหลือตัวเองในการหาที่อยู่อาศัยเองไม่ได้ ไม่ใช่คนที่มีรายได้สูงขนาดนี้ กลุ่มคนเหล่านี้สามารถจัดหาที่อยู่เองได้ ควรจะมีการลดเพดานเงินเดือนลงมา ควรจะเหลือ 30,000 บาทต่อเดือน หากรัฐบาลต้องการสนับสนุนคนที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ในการหาที่อยู่อาศัย ควรมุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน อย่าเปิดโอกาสให้เกิดการแย่งสิทธิกับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง ซึ่งควรวางเงื่อนไขตั้งแต่การเริ่มเข้าจองสิทธิ การเข้าที่อยู่อาศัย และตลอดของอายุสัญญา ที่ต้องมีความรัดกุม
<ใครสนใจมีเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ 2 ช่องทาง>
รัฐบาลเปิดลงทะเบียนพร้อมกันทั้ง 4 พื้นที่ โดยผู้ที่สนใจแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนจองสิทธิได้ผ่านทาง www.บ้านเพื่อคนไทย.th และที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จะเปิดให้จองสิทธิถึงวันที่ 31 มกราคมนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00–20.00 น. ทุกวัน เพื่อดูผลตอบรับ ส่วนทางเว็บไซต์จะเปิดให้ลงทะเบียนทุกวัน หากมีการลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก จะทำการจับฉลากต่อไป
สำหรับใครที่สนใจและอยากจะมีบ้านหลังแรกแต่ยังมีงบประมาณจำกัด โครงการนี้ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็จะต้องศึกษารายละเอียดกันให้ดีก่อนว่าตอบโจทย์เราแค่ไหน ทั้งราคา เงินผ่อน ทำเล หรือปัจจัยอื่นๆ ใดๆ ก็ตามแต่ แล้วแต่ความจำเป็นความเหมาะสม กำลังของแต่ละคนแต่ละครอบครัว เพราะอย่าลืมว่าถึงแม้จะซื้อกับรัฐแต่เราก็ต้องเป็นหนี้ และมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเช่นกัน…