ตัดเชือกสตาร์ทกันไปแล้วกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ได้เปิดลงทะเบียนขอรับสิทธิในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มจีดีพีได้ 1.2–1.8% ในปี 2568 ซึ่งหากนับจนถึงวันนี้ (3 ส.ค.) เป็นวันที่ 3 โดยยอดประชาชนลงทะเบียนอัปเดตล่าสุดเมื่อเย็นวันศุกร์ (2 ส .ค.) ทะลุ 21 ล้านคนไปแล้วด้วย
<เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวันแรกก็ล่มเลย>
ก่อนหน้าที่จะเปิดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตผ่านแอปฯ ทางรัฐ ในวันที่ 1 ส.ค. 67 ซึ่งกระทรวงการคลังเองก็ออกมายืนยันหนักแน่นว่าจะไม่มีปัญหาแอปฯ ล่มแน่นอน เพราะมีการทดสอบระบบอย่างรอบคอบแล้ว และเทคโนโลยีที่ใช้ก็รองรับการหลั่งไหลเข้ามาใช้งานของประชาชนจำนวน 50 ล้าน
แต่ทว่าในวันแรกที่เปิดลงทะเบียนกลับมีเสียงบ่นจากประชาชนและโดยเฉพาะบนโลกโซเชียลฯ แอปพลิเคชัน X เฟซบุ๊ก ต่างๆ ว่าไม่ทันไรก็มีปัญหาเสียแล้ว เพราะระบบ “ยืนยันตัวตนไม่ได้” หน้าจอค้าง ไปต่อในขั้นต่อไปไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลก็ออกมาชี้แจงทันทีว่าเป็นเพราะมีคนเข้ามาใช้งานจำนวนมหาศาลในวันแรก ทำให้ระบบอาจมีสะดุดไปบ้าง และมีการแนะนำให้ลบแอปฯ และดาวน์โหลดใหม่อีกครั้ง ซึ่งเมื่อผ่านไปช่วงบ่าย ระบบก็กลับมาใช้งานเสถียรมากขึ้น สรุปจบสิ้นวันก็ปิดยอดผู้คนที่เข้ามาลงทะเบียนได้ 18.3 ล้านคน
คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เชื่อว่าหลังจากนี้ยอดผู้ลงทะเบียนเงินดิจิทัลจะชะลอลง เพราะรัฐเปิดให้ลงทะเบียนจนถึงวันที่ 15 ก.ย. 67 ส่วนเรื่องความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ยืนยันว่าแอปฯ มีระบบยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยที่ระดับ IAL ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยสูงสุดที่หน่วยงานรัฐยอมรับ โดยเท่ากับไปพบหน้ากับเจ้าหน้าที่รัฐ เหมือนไปติดต่อราชการกับเจ้าหน้าที่รัฐ และแอปฯ ทางรัฐก็ให้บริการมากกว่า 200 บริการ
<ตลาดหุ้นคึกคัก กลุ่มหุ้นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหม่รับอานิสงส์>
ตั้งแต่ช่วงก่อนการเปิดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ตลาดหุ้นบ้านเราก็ดูเหมือนจะคึกคักมากขึ้น หลังจากที่ซึมๆ มานาน โดยประโยชน์หรืออานิสงส์ที่จะส่งไปยังตลาดหุ้นก็คือกลุ่มบริษัทใหญ่ที่มีธุรกิจครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะค้าปลีก อาหาร รวมไปถึงหุ้นเกี่ยวกับการเงิน
Nikkei Asia มีรายงานออกมาด้วยว่าราคาหุ้นของบริษัทมากกว่าสิบแห่ง เช่น เมืองไทย แคปปิตอล CP ALL ปรับตัวสูงขึ้นทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต โดยปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นและสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าดัชนีหลักของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ซึ่งลดลง 15% ในช่วงปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังเปิดเผยผลสำรวจด้วยว่าผู้บริโภคมีแผนที่จะใช้จ่ายเงินดิจิทัลประมาณ 40% ไปกับสินค้าจำเป็น เช่น อาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับ CP ALL ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7–Eleven เพราะสินค้าเกือบ 60% ที่จำหน่ายใน 7–Eleven เข้าเกณฑ์ที่สามารถซื้อได้ด้วยดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งปีที่ผ่านมา CP ALL มีรายได้กว่า 9.21 แสนล้านบาท รวมถึง CP Axtra บริษัทค้าส่งในเครือ CP Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศก็ได้รับอานิสงส์จากนโยบายนี้เช่นกัน เนื่องจากสินค้ากว่า 20% ที่ CP Axtra จำหน่ายจะสามารถซื้อได้ด้วยเงินดิจิทัล เมื่อมีการอนุญาตให้ทำธุรกรรมระหว่างธุรกิจได้ในอนาคต
ส่วนหุ้นอื่นๆ ที่ได้รับประโยชน์ก็อย่างเช่น หุ้นของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ผู้ดำเนินธุรกิจ Big C และ Central Retail Corporation หรือ CRC เป็นต้น
โดยเมื่อวันที่ 1 ส.ค. วันแรกที่เปิดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ตลาดหุ้นไทยสามารถปิดบวกได้ได้ที่ 1,322.75 จุด ปรับขึ้นได้1.89 จุด หรือ +0.14% มูลค่าซื้อขาย 36,835.90 ล้านบาท โดย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ระบุว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาได้ดีสอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชีย ตอบรับผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงดอกเบี้ยตามคาด และการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย.นี้อย่างชัดเจน ถ้อยแถลงประธานเฟดมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น อีกทั้งค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าหนุนเงินทุนต่างชาติไหลเข้า และการเปิดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” วันแรก ก็ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง
<มิจฉาชีพผุดตามมาเป็นดอกเห็ด>
คุณชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่าตอนนี้กำลังมีเพจปลอมปล่อยออกมาจากมิจฉาชีพ โดยอาจใช้ชื่อเพจว่า แอปฯ “ทางรัฐ”, แอปฯทางรัฐของรัฐบาล เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนไปกรอกข้อมูลลงทะเบียน ทั้งที่รัฐบาลไม่มีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในเพจใดๆ โดยเด็ดขาด บางเพจก็อาจจะใช้ชื่อว่า “ดิจิทัลวอลเล็ต” หลอกให้คนกดเข้าไปลงทะเบียน กรอกข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งได้เตือนประชาชนขออย่าเชื่อเพจปลอมเหล่านี้โดยเด็ดขาด เพจของรัฐบาลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทะเบียนขอใช้สิทธิดิจิทัลวอลเล็ตจะมีชื่อว่า “DGA Thailand” ที่ต้องมีเครื่องหมายถูกสีฟ้าต่อท้ายเท่านั้น หากไปเจอเพจใดที่ใช้ชื่อว่า “DGA Thailand” แต่ไม่มีเครื่องหมายถูกสีฟ้าต่อท้าย ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นเพจปลอม และการลงทะเบียนขอใช้สิทธิจะต้องผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐโดยตรงเท่านั้น ไม่มีการอ้อมไปลงในเพจ หรือลิงก์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเพจหรือลิงก์นั้นจะใช้ชื่ออะไรก็ตาม
ส่วนการทุจริตหรือการนำไปแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินสดนั้น ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะต้องช่วยกันและมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน
<หวั่นโครงการไปไม่ถึงฝั่งฝัน>
มีรายงานออกมาด้วยว่าจะองค์กรอิสระยื่นตรวจสอบงบประมาณ 1.22 แสนล้านบาท ที่จะนำไปใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งก็ทำให้มีคำถามขึ้นว่าจะทำให้โครงการสะดุด หรือเกิดความล่าช้าหรือไม่ เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี ยังคงมั่นใจในความสุจริต มั่นใจในที่มาที่ไปของโครงการ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องตอบคำถามขององค์กรอิสระทั้งหลาย ส่วนล่าช้าหรือไม่ตอนนี้ก็ไม่เห็นไม่เห็นอะไร อย่าพึ่งไปคาดเดาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นถ้าเกิดขึ้นแล้วก็จัดการกับมันไป
อย่างไรก็ดีรัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นพายุหมุนเศรษบกิจลูกใหญ่ที่จะพัดพาเอากำลังซื้อของประชาชนให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น เข็นจีดีพีไทยให้กับมาฟื้นตัวได้ หลังจากเศรษฐกิจไทยติดหล่มอยู่นานจากสารพัดปัจจัยฉุด ถึงแม้ว่าแบงก์ชาติจะมองต่างว่าผลกระทบจากโครงการนี้แต่เล็กน้อย รวมถึงสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เองก็ยังมองว่าผลกระทบทางอ้อมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้อาจมีจำกัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่า “ดิจิทัลวอลเล็ต” จะเป็นเครื่องยนต์แห่งความหวังที่จะช่วย “ปลดพันธนาการ” เศรษฐกิจไทยให้หลุดจากหลุมดำไปพบแสงสว่าง ฟื้นคืนชีพจากสภาพซอมบี้นี้ได้สักที