ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยหลายตัวดูเหมือนจะสะดุดไปมากโข จนเหลือตัวช่วยเพียงอย่างเดียวคือภาคการท่องเที่ยว ที่ถึงแม้แนวโน้มการเติบโตจะดูเอื่อยๆ เมื่อดูตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ระบุว่า จบครึ่งปีแรก 2568 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอยู่ที่ 16.7 ล้านคน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน –5% ทั้งยังส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตค่อนข้างเสี่ยงที่จะกวาดยอดทั้งปีได้ต่ำกว่า 34.5 ล้านคน ซ้ำนักท่องเที่ยวขาใหญ่อย่างจีน ยังชะลอตัวลง จากปัจจัยด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นไปเมื่อต้นปี เทียบให้เห็นชัดๆ เป็นตัวเลขอ้างอิงของคุณเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) พบว่า ตลาดนัดท่องเที่ยวจีนเข้าไทยได้รับผลกระทบหนักที่สุด ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนสะสมถึงกลางเดือนกรกฎาคม อยู่ที่เพียง 2.435 ล้านคน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมาก และห่างไกลจากเป้าหมายที่เคยวางไว้ประมาณ 7 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนอาจอยู่ที่เพียง 5 ล้านคนเท่านั้น หรือลดลงกว่า 34% เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนั้น พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนยังเปลี่ยนไปมาก จากที่เคยเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นแบบ แบบ FIT (Free Independent Travelers) หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเองเพียงไม่กี่คน โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะวางแผนการเดินทางเองทั้งหมด ตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และการออกแบบการเดินทาง
ถึงแม้ปัจจัยลบจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว แต่ประเทศไทยก็ยังไม่หมดมนต์ขลัง เพราะยังมีจุดแข็งด้านวัฒนธรรมอาหาร อุตสาหกรรมบันเทิง ทั้งจากซีรีส์วาย – ยูริ, ศิลปิน T-Pop ที่โด่งดังจนแฟนคลับชาวจีน รวมถึงประเทศอื่นๆ พร้อมใจกันบินมาไทยเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่ Medical Hub ที่น่าสนใจจนสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและใช้จ่ายได้ ตอกย้ำเสน่ห์และศักยภาพด้านสาธารณสุขของประเทศไทยได้จากรายงานการจัดอันดับประจำปีของนิตยสารจาก International Living ประเทศไอร์แลนด์ ที่มีชื่อว่า ‘2025 Annual Global Retirement Index’ พบว่าประเทศไทย ติด 1 ใน 10 อันดับประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับผู้เกษียณอายุที่ดีที่สุดในปี 2025
ท้ายนี้ ยังไม่หมดปี อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะภาคการท่องเที่ยวของไทยยังมีความยืดหยุ่น และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์เทรนด์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นต่อไปได้อีกเพียบ!
