กลุ่มบริษัทบางจากย้ำความพร้อมด้าน SAF ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ผู้นำการบินยั่งยืนในระดับภูมิภาค ในเวที ASAFA IPS Thailand 2025

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทบางจากในการขับเคลื่อนระบบนิเวศของน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ของประเทศไทย ในเวทีเสวนาหัวข้อ “Scaling Advanced SAF in Thailand: From Biomass to Global Markets” ในงาน ASAFA Innovation & Policy Summit (IPS) Thailand 2025

นางกลอยตา กล่าวว่ากลุ่มบริษัทบางจากสนับสนุนข้อเสนอมาตรการกำหนดสัดส่วนผสม SAF (SAF Blending Mandate) ขั้นต้นที่ร้อยละ 1 ในปี 2569 สำหรับประเทศไทย แม้มาตรการนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าจะช่วยสร้างความชัดเจนให้แก่ผู้ผลิตและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมแสดงความเห็นว่า แม้ต้นทุน SAF ยังสูงกว่าน้ำมันเครื่องบินทั่วไปในปัจจุบัน การผสมในสัดส่วนร้อยละ 1 จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าโดยสารอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งการลงทุนใน SAF ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาว

กลุ่มบริษัทบางจากเป็นผู้บุกเบิกการผลิต SAF ชนิด Neat SAF (100%) จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) รวมถึงวัตถุดิบทางเลือกอื่น ๆ เช่น ของเหลือทิ้งจากภาคอุตสาหกรรมและบริการ

โดยกระบวนการผลิตอยู่ภายใต้การรับรองมาตรฐานระดับสากลจาก International Sustainability and Carbon Certification (ISCC) นอกจากนี้ ยังมีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญคือระบบท่อส่ง SAF ที่เชื่อมต่อโดยตรงจากหน่วยผลิต SAF ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง สู่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งช่วยสนับสนุนการกระจายเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการนำระบบ Book & Claim และตลาดคาร์บอนมาใช้เพื่อสะท้อนผลการลดการปล่อยคาร์บอนจากการบินอย่างแท้จริง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สายการบินและลูกค้า

ด้านวัตถุดิบ นางกลอยตากล่าวว่า หน่วยผลิต SAF ของกลุ่มบริษัทบางจากใช้น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต SAF แต่ยังมองเห็นโอกาสในการนำน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) มาใช้เป็นทางเลือก

เชิงกลยุทธ์เพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลก และมีทรัพยากรอยู่มากเพียงพอ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อผลิต SAF ได้อย่างมีศักยภาพ ทั้งนี้ แม้ CPO จะยังไม่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน EU RED II หรือ ICAO CORSIA แต่ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะพัฒนาระบบรับรองที่เข้มงวดและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะช่วยสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศ นอกจากนี้ นางกลอยตายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควบคู่กับการจัดทำกรอบปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง SAF ของภูมิภาค

การเสวนาดังกล่าวดำเนินรายการโดย Mr. Gabriel Ho, Founder & CSO of Asia Sustainable Aviation Fuel Association (ASAFA) ร่วมด้วยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ดร.เสกสรรค์ พรหมนิช รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคุณธันยวีร์ พงษ์วัฒนาสุข กรรมการผู้จัดการธุรกิจเอทานอล กลุ่มมิตรผล ซึ่งร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนา SAF เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเศรษฐกิจการบินคาร์บอนต่ำระดับโลก โดยเฉพาะศักยภาพของไทยในฐานะผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่ ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เทคโนโลยี Alcohol-to-Jet (AtJ) ได้อย่างมีศักยภาพ

ASAFA IPS Thailand 2025 จัดโดย Asia Sustainable Aviation Fuel Association (ASAFA) ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวนโยบาย เทคโนโลยี และรูปแบบการลงทุน เพื่อเร่งการพัฒนา SAF ในภูมิภาคเอเชีย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles