มาตรการคนละครึ่งพลัส ส่งออกโตดี เงินบาทแข็ง ท่องเที่ยว หนุนดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ย. ฟื้นตัวได้ต่อ เป็นเดือนที่ 3 

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือนพ.ย. 68 พบว่า อยู่ที่ระดับ 53.2 จากเดือนต.ค. ที่ระดับ 51.9 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 10 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความหวังและมีความเชื่อมั่นว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้ฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แม้ว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ สงครามการค้าและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวได้ช้าก็ตาม

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 46.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 50.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 61.9

โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่

1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ครอบคลุมประชาชน 20 ล้านคน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ ลดรายจ่ายและกระจายรายได้สู่ร้านค้าท้องถิ่น เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-31 ธ.ค. 68

2. มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่ให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวภายในประเทศมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 30,000 บาท โดยสามารถใช้สิทธิได้ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค. 68

3. การส่งออกของไทยในเดือนต.ค. 68 มีมูลค่า 28,835 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.66% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 32,272 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16.25% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 3,436 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ช่วง 10 เดือนปี 68 ส่งออกได้รวม 282,982 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 13.04% และมีการนำเข้ารวม 286,848 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12.39% ส่งผลให้ขาดดุลการค้ารวม 3,866 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

4. ระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังคงทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 (E10) อยู่ที่ระดับ 31.48 และ 31.85 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนพ.ย. 68 ตามลำดับ ส่วนราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ อยู่ที่ระดับ 30.94 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนพ.ย. 68

5. เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับ 32.551 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนต.ค. 68 เป็น 32.398 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนพ.ย. 68

ขณะที่ปัจจัยลง ได้แก่ ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงผู้บริโภคยังรู้สึกว่ารายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น, ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนการค้าขายและการท่องเที่ยว, ราคาข้าวเปลือกเจ้า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และยางพารา อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก มีผลต่อกำลังซื้อในบางพื้นที่ต่างจังหวัดในระยะนี้ ,สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผย GDP ไตรมาส 3/68 ว่าเศรษฐกิจขยายตัว 1.2% ทำให้ช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) เศรษฐกิจไทยเติบโต 2.4% และคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 68 จะยังขยายตัวที่ 2.0% ขณะที่ในปี 69 คาดว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในช่วง 1.2-2.2% โดยมีค่ากลางการประมาณการ 1.7% ,การที่ SET Index ในเดือนพ.ย. 68 ปรับตัวลดลง 52.81 จุด โดยปรับตัวลดลงจาก 1,309.50 จุด ณ สิ้นเดือนต.ค. 68 เป็น 1,256.69 จุด ณ สิ้นเดือนพ.ย. 68 เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มใหญ่ สะท้อนความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ,ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายไทย-กัมพูชา ตลอดจนความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อ  

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles