นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะคณะกรรมการภาคเอกชน 3 สถาบัน ( กกร. ) เปิดเผยผลการประชุม กกร.ว่าที่ประชุม กกร. ยังคงตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 ว่าจะยังคงขยายตัว 2.2-2.7% คงอัตราเงินเฟ้อ ขยายตัว 0.5-1.0% และได้ปรับคาดการณ์ส่งออกขึ้นเป็น 0.8-1.5% จากเดิมเดือน ม.ย.67 อยู่ที่ 0.5-1.5%แม้ว่าการส่งออกไทยเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าของสหรัฐฯ–จีน การขึ้นภาษีของสหรัฐฯต่อสินค้าจีนรอบใหม่อาจกระทบสินค้าส่งออกไทยที่เป็นห่วงโซ่อุปทานให้แก่จีน ซึ่งประเมินว่าสินค้าเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วน 19.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไปจีน โดยสินค้าที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบมาก เช่น ยางแผ่น ยางแท่ง เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น แต่อาจมีปัจจัยบวกชั่วคราวจากการเร่งสั่งซื้อสินค้าและการปรับเปลี่ยนมาส่งออกจากไทย คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปีปรับดีขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาปัจจัยที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งทาง กกร.ได้มีมติว่าจะมีการทบทวนสมุดปกขาวที่ได้จัดทำไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงโดยมอบให้นายทวี ปิยะพัฒนา เป็นประธานคณะทำงานในการทบทวน
โดยที่ประชุมมีความกังวลต่อปัญหาต้นทุนของภาคเอกชน จากนโยบายการปรับขึ้นของค่าแรงงานขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ และต้นทุนด้านพลังงาน ตลอดจนปัญหาเรื่องของกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมาในช่วงครึ่งปีหลังการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอสังหาฯ กระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทย อุปสงค์ในประเทศยังเปราะบาง
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสูง อย่างยานยนต์และอสังหาฯ โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วง 5 เดือนแรกหดตัว 24% ส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคมีรายได้จากเศรษฐกิจนอกระบบเป็นสัดส่วนสูง ส่วนยอดโอนอสังหาฯ 4 เดือนแรกสำหรับบ้านจัดสรรหดตัว 11.8% และอาคารชุดหดตัว 7.4% ซึ่งหากอุตสาหกรรมยานยนต์และอสังหาฯ มีแนวโน้มหดตัวมากขึ้น และกำลังซื้อในประเทศในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังไม่ฟื้น อาจจะกระทบทำให้ GDP ปีนี้ลดลงกว่าที่คาดไว้ 0.3-0.4%