นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ. อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนลงนามสัญญาจ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านที่เหมืองแม่เมาะ สัญญาที่ 8/1 หลังคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านที่เหมืองแม่เมาะของ กฟผ. ที่แต่งตั้งโดยกระทรวงพลังงานไม่พบการทุจริต และให้ กฟผ. พิจารณาดำเนินการตามความถูกต้องเหมาะสมและตามอำนาจหน้าที่ รวมถึงรับความเห็นและข้อเสนอแนะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมาปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับ งานจ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านที่เหมืองแม่เมาะ สัญญาที่ 8/1 นี้ ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนแม้สถานการณ์วิกฤตราคาพลังงานจะคลี่คลาย แต่สถานการณ์สงครามยังมีความไม่แน่นอน ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินของโรงไฟฟ้าแม่เมาะซึ่งมีต้นทุนต่ำที่สุดยังคงมีความจำเป็นเพื่อช่วยพยุงราคาค่าไฟฟ้าของประเทศ โดยที่ผ่านมา กฟผ. ต้องนำถ่านหินภายใต้สัญญาเดิม (สัญญา 8 และ 9) มาใช้ก่อนกำหนดจนปริมาณถ่านหินครบก่อนสิ้นสุดสัญญา เพื่อรองรับการเลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8 – 11 และการนำโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 กลับมาผลิตไฟฟ้าจนถึงปี 2568 เพื่อกระจายสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ และลดผลกระทบต้นทุนค่าไฟฟ้าของประเทศ เพราะหากปริมาณถ่านหินสำรองที่เตรียมไว้ใช้ในฤดูฝนหมดลงมีความเสี่ยงที่ต้องลดกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าแม่เมาะลง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการจ้างขุด-ขนดินและถ่านหินใหม่เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอสำหรับผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
กฟผ. ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า กฟผ. บริหารการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะและบริหารจัดการเชื้อเพลิงถ่านหินที่มีอยู่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงด้านการผลิตไฟฟ้าและต้นทุนราคาพลังงานของประเทศอย่างเต็มความสามารถ