พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือ เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงยุติธรรม ประกอบด้วย กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนและกรมคุมประพฤติ กับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยมี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ และฝ่ายกยศ. นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ลงนามในบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือๆ โดยมี ด้วยคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมในพิธีดังกล่าว
โดยกรมราชทัณฑ์ สังกัดกระทรวงยุติธรรม มีภารกิจเกี่ยวกับการควบคุม แก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัย ผู้ต้องขัง โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักหลักสิทธิมนุษยชน สอดคล้องมาตรฐานสากลและแก้ไข ฟื้นฟูพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการจัดการศึกษาผู้ต้องขังเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ ในระหว่างต้องโทษ ตั้งแต่ระดับผู้ไม่รู้หนังสือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษา จนถึงระดับอุดมศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอก
ในปัจจุบัน พบว่า มีผู้ต้องขังที่ต้องโทษ และยังเป็นหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษากว่า 4,000 ราย มียอดหนี้รวมกว่า 180 ล้านบาท เฉลี่ยรายละประมาณ 45,000 บาท โดยการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือๆ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษที่เป็นหนี้ กยศ. เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานตามโครงการความ ร่วมมือ รวมถึงเพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับผู้ต้องขังที่เป็นหนี้ กยศ. เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนให้เป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ตลอดจนการจัดการอบรมส่งเสริมความรู้ด้านการวางแผนการบริหารจัดการการเงิน ให้แก่ผู้ต้องขังเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้เทคนิคและวิธีการวางแผนจัดการเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถบริหาร จัดการทางการเงินได้อย่างเหมาะสม และต่อยอดไปสู่การจัดการด้านการเงินเพื่ออนาคต
ผลจากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการหนี้ให้แก่ผู้ต้องขังเพื่อช่วยเหลือ และแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืม ที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืน และยังจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ศึกษาต่อในระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง และระดับอุดมศึกษา ซึ่งผู้ต้องขังต้องออกค่าใช้จ่ายเอง อีกทั้ง ยังได้รับโอกาสเข้ารับการอบรมส่งเสริมความรู้ด้านการวางแผนการบริหารจัดการการเงิน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้เทคนิคและวิธีการวางแผนจัดการเงินอย่างเป็นระบบ สามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างเหมาะสมและต่อยอดไปสู่การจัดการด้านการเงินเพื่ออนาคต และจะช่วยให้ผู้ต้องขังได้ลดความวิตกกังวล จากภาวะหนี้จากการกู้ยืมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ลดภาระให้แก่ครอบครัวของผู้กู้ยืม และสร้างโอกาส ทางการศึกษาอบรม และเรียนรู้ แก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด เพื่อให้ผู้พ้นโทษกลับคืนสู่สังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ด้านพ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ลูกหนี้โดยส่วนเป็นลูกหนี้ของกยศ. มีกฎหมายเเก้ไขใหม่ซึ่งถือว่าเป็นการปลดโซ่ตรวน ผู้ที่อยู่ในเรือนจำ กรณีที่มีผู้ค้ำประกันส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่ จะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ โดยทราบว่ากรมราชทัณฑ์มีลูกหนี้กยศประมาณ 4,000 กว่าราย และกรมคุมประพฤติมีหนี้อีกกว่า 12,000 กว่ารายในตัวเลขเบื้องต้น
ในส่วนที่เป็นสิทธิเป็นการคิดจำนวนใหม่ทางกยศ. จะมีการสั่งพักหนี้เพราะในระหว่างนั้นลูกหนี้บางราย ไม่สามารถชดใช้หนี้ได้เพระติดคุกยาวนาน ถือว่าเป็นการร่วมมือกันของทั้งกรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนและกรมคุมประพฤติ กับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากผู้ต้องขังหญิงที่อยู่จ.ขอนเเก่น ซึ่งเป็นหนี้กยศ. โดยมีพ่อเเม่เป็นผู้ค้ำอยู่ 22 ปี หากปล่อยไว้ในสภาพเช่นนี้จะเป็นปัญหาสังคมได้ จากจุดเล็กๆนี้สามารถนำมาช่วยคนหลังกำแพงที่ก้าวพลาดนับหมื่นๆคนได้.