ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,381.19 จุด บวกพุ่ง 24.65 จุด หรือ +1.82% ด้วยมูลค่าซื้อขายสุทธิ 53,763.46 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีรีบาวด์ตามต่างประเทศ โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,354.98 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,382.80 จุด
เช่นเดียวกับตลาด SET 50 ปิดพุ่งขึ้น 15.63 จุด ที่ 846.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,908.31 ล้านบาท และตลาด mai ปิดที่ 413.92 จุด เพิ่มขึ้น +8.79 หรือ +2.17% มูลค่าซื้อขาย 1,772.47 ล้านบาท
ส่วน 3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,135.30 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2. AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,958.62 ล้านบาท ปิดที่ 60.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3. JMT มูลค่าการซื้อขาย 1,765.58 ล้านบาท ปิดที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ หลังจาก 2 วันที่ผ่านมาที่มีข่าวว่าจีนมีแผนจัดตั้งกองทุนเพื่อพยุงตลาดหุ้น รวมทั้งช่วงบ่ายวันนี้ผู้ว่าธนาคารกลางจีน ระบุว่าจะออกมาตรการปรับลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในช่วงต้นเดือนก.พ. ซึ่งอาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นจึงตอบรับเชิงบวกในระยะสั้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มท่องเที่ยวและโรงไฟฟ้าเป็นตัวนำตลาดในวันนี้
แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ โดยคืนนี้นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/66 ของสหรัฐ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือน ธ.ค. ในวันศุกร์ พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,370 จุดและแนวต้าน 1,391 จุด
ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยาน 20 กว่าจุดเพราะที่ผ่านมาเกิดสภาวะขายมากเกินไป (Oversold) จนหลุดจุดต่ำสุดเดิม ดังนั้นสัญญาณทางเทคนิคบ่งบอกว่าหากมีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นตลาดแม้แต่นิดเดียวอย่างเช่นนายพิธา ลิ้นเจริญรัตน์รอดคดีถือหุ้น ITV ก็จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นได้เช่นวันนี้
ทั้งนี้ ประเมินว่าวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) ยังได้รับ Sentiment เชิงบวกจากประเด็นนายพิธากลับเข้าสภาผู้แทนราษฎรอยู่และอาจเเกว่งในกรอบ 1370-1390 จุด